Cyber Monday Deal: ลดสูงสุด 60% InvestingProรับส่วนลด

3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: Facebook, Micron Tech, Nike

เผยแพร่ 29/06/2563 16:43
IXIC
-

นอกจากจะเป็นสัปดาห์ส่งต่อของเดือนมิถุนายนไปยังกรกฏาคมแล้ว สิ่งที่นักลงทุนต้องจับดูในตลาดลงทุนสัปดาห์นี้ให้ดีเลยคือยอดจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างไม่สามารถจะทำเป็นเพิกเฉยได้อีกต่อไป ขาขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ขึ้นโดยไม่สนใจโลกภายนอกมาโดยตลอดกำลังจะได้รับการทดสอบอย่างเข้มข้นอีกครั้ง

 

ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้วตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปรับตัวลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญเมื่อรัฐเท็กซัสประกาศหยุดมาตรการเปิดเมืองเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจบางแห่งภายในรัฐหลังจากที่ตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมาก รัฐฟอร์ริด้าซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแห่งที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นก็ได้ประกาศให้ผับบาร์ระงับการให้บริการชั่วคราวไปก่อนอีกเพื่อชะลอตัวเลขการติดเชื้อลง

 

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงมากถึง 730.05 จุดหรือคิดเป็น 2.8% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลง 2.4% ส่วน NASDAQ ก็วิ่งลง 1.9% ถือเป็นการปรับตัวลดลง 2 จาก 3 สัปดาห์ล่าสุดของดัชนีหลักสหรัฐฯ ก่อนที่ความผันผวนนี้จะมาถึงเราก็ได้หยิบหุ้น 3 ตัวที่มีความน่าสนใจมาให้กับคุณผู้อ่านอีกเช่นเคย

 

1. Facebook

 

เฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) สื่อโซเชียลมีเดียยักษ์ใหญ่กลับมาอยู่ในจุดสนใจของผู้คนอีกครั้งแต่คราวนี้กลับมาด้วยข่าวที่ดูแล้วไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก

 

Facebook weekly chart
 

หุ้นของเฟสบุ๊กร่วงลงมากกว่า 8% เมื่อวันศุกร์ที่ 26 มิถุนายนหลังจากที่ได้ทราบข่าวร้ายว่าบริษัทใหญ่ๆ ที่มีการฝากโฆษณาไว้บนเฟสบุ๊กประกาศพักโฆษณาบนโซเชียลแพลตฟอร์มนี้โดยให้เหตุผลว่าเฟสบุ๊กไม่มีมาตรการจัดการกับถ้อยคำวาจาที่พูดในเชิงเกลียดชัง (Hate Speech) ที่ดีพอ แม้ว่าเรื่อง Hate Speech จะมีอยู่บนเฟสบุ๊กมานานแล้วแต่บริษัทที่ตัดสินใจระงับการโฆษณาบนเฟสบุ๊กคราวนี้ไม่ใช่แบรนด์เล็กๆ ยกตัวอย่างเช่น Unilever (NYSE:UL), Coca-Cola Company (NYSE:KO), Levi Strauss (NYSE:LEVI), Honda (NYSE:HMC) และ Verizon (NYSE:VZ)

 

ความพยายามคว่ำบาตรครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมิถุนายนโดยกลุ่มเรียกร้องสิทธิเช่น Anti-Defamation League, NAACP, Sleeping Giants, Color of Change, Free Press และ Common Sense ได้ขอให้บริษัทใหญ่ๆ ระงับการโฆษณาบนเฟสบุ๊กชั่วคราวในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม หลังจากที่หุ้นเฟสบุ๊กร่วงลงทำให้ CEO ของบริษัทนายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์กต้องออกมาชี้แจงในทันทีว่าบริษัทจะมีมาตรการตรวจสอบคำพูดที่ส่งผลกระทบทางการเมืองและคำพูดที่มีเจตนาก่อให้เกิดความรุนแรง

 

ยอดขายของบริษัทเฟสบุ๊กในเดือนกรกฎาคมที่กำลังจะมาถึงนี้มีโอกาสลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากเรื่องการคว่ำบาตรนี้ ก่อนหน้าที่ข่าวนี้จะเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาหุ้นเฟสบุ๊กอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง 18% แต่หลังจากวันศุกร์พบว่าราคาของหุ้นเฟสบุ๊กเหลือเพียง $216.08 ก่อนจบสัปดาห์ล่าสุด

 

2. Micron Technology

 

บริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์ ไมครอน เทคโนโลยี (NASDAQ:MU) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2020 ในวันจันทร์ที่ 29 มิถุนายนหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าไมครอนเทคฯ จะมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $0.75 และมีตัวเลขกำไรรวมสุทธิอยู่ที่ $5,260 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

Micron technology weekly chart

 

ในการอัปเดตข้อมูลตัวเลขยอดขายเมื่อเดือนพฤษภาคมพบว่าบริษัทไมครอนสามารถทำยอดขายได้ดี บริษัทได้บอกกับนักลงทุนของพวกเขาว่าไมครอนได้ผ่านช่วงเวลาที่ลำบากที่สุดของกลุ่มผู้ผลิตชิปความจำคอมพิวเตอร์มาแล้ว

 

ก่อนที่ไวรัสโคโรนาจะระบาด Wall Street เคยคาดการณ์ว่าหุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตชิปคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนจะสามารถกลับมาเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเดือนเมษายนธนาคารสำหรับการลงทุนชื่อดังโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดความน่าสนใจของหุ้นไมครอนลงไปจากระดับ “น่าซื้อ”เหลือเพียง “ธรรมดา” เท่านั้นโดยให้เหตุผล (ในตอนนั้น) ว่าผลกระทบจากโควิด-19 กระทบต่อการเติบโตของบริษัทในระยะยาว

 

แต่จากข้อมูลล่าสุดในเดือนพฤษภาคมของไมครอนอาจทำให้นักลงทุนต้องมองหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการทำศูนย์กลางข้อมูล การทำระบบคลาวด์เพิ่มขึ้นสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ล่าสุดหุ้นของไมครอน เทคฯ มีราคาปิดอยู่ที่ $48.49 ปรับตัวลดลงมากกว่า 1% ในวันศุกร์

 

3. Nike

 

หุ้นของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬาชื่อดังอย่างไนกี้ (NYSE:NKE) อาจต้องตกอยู่ในสภาวะกดดันอีกครั้งในสัปดาห์นี้หลังจากมีรายงานว่ายอดขายประจำไตรมาสที่จะประกาศออกมาในเร็วๆ นี้จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากร้านตัวแทนจัดจำหน่ายส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากพิษโควิด-19

 

เมื่อช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคมพบว่ากำไรของไนกี้ลดลง 38% หรือตีเป็นเงินว่าหายไปประมาณ $7,380 ล้านเหรียญสหรัฐเหลือ $6,310 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมนักวิเคราะห์เคยประเมินว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นของไนกี้จะอยู่ที่ $0.51 แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเหลือเพียง $0.10 เท่านั้น

 

Nike weekly chart
 

ก่อนหน้านี้หุ้นไนกี้สามารถกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งจากจุดต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคมแต่ล่าสุดก็ร่วงลงอีก 7% เมื่อวันศุกร์ มีราคาปิดอยู่ที่ $93.67 ถึงกระนั้นยอดขายสินค้าออนไลน์ e-commerce ของไนกี้ 75% ก็ช่วยอุ้มบริษัทให้สามารถทำตัวเลขกำไรมาได้เป็นอย่างดีในไตรมาสล่าสุด

 

อ้างอิงข้อมูลจากไนกี้พวกเขาเคยกล่าวว่าร้านตัวแทนจำหน่ายประมาณ 90% ทั่วโลกตอนนี้กลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้ว ส่วนยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทก็คาดการณ์ว่าตัวเลขที่ออกมาจะต้องดีขึ้น

ห้ามพลาด

♦ถอดบทเรียนจาก Liverpool สู่โลกการลงทุน :  ถ้า Liverpool ทำได้ แล้วทำไมเราจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จบ้างไม่ได้

♦หายนะของการลงทุนในหุ้น Luckin Coffee

♦TG Mission Possible การพลิกฟื้น TG ถือว่าเป็นงานยากมาก แต่เป็นไปได้

 

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย