ช่วง QTD หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ปรับขึ้นเด่น หลังกำไรของกลุ่มออกมาดี ดัชนีSETFIN ปรับขึ้น 32.9%QTD Outperform ดัชนี SET INDEX ที่ปรับขึ้น 23.4% หลังผลประกอบการ ช่วง 1Q63 ของหุ้นในกลุ่มส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
หากพิจารณาหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ภายใต้ Coverage ของเราพบว่า กลุ่มที่ที่มีผลดำเนินงานออกมาโดดเด่นที่สุดคือกลุ่มสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นหลักประกัน (SAWAD และ MTC) สอดรับไปกับพอร์ตสินเชื่อที่ขยายตัวได้ดีในระดับ 23-34%YoY ทำให้ทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับและรายได้ค่าธรรมเนียมเติบโตได้ดีขณะที่การตั้งสำรองเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดแม้เปลี่ยนมาใช้ TFRS9 สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแรงของสถานะการเงิน
รองลงมาคือกลุ่มสินเชื่อเพื่อการบริโภค (KTC และ AEONTS) แม้อัตราโตของสินเชื่อจะอยู่ในระดับเพียง 9-10%YoY เนื่องจาก ภาวะ ศก. ยังไม่เอื้ออำนวยต่อการบริโภคของภาคครัวเรือน แต่ปัจจัยเด่นที่หนุนคือ NIM ที่ขยับกว้างขึ้น จากผลของการใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9 ทำให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ดอกเบี้ยรับบางส่วนเพิ่มขึ้นจากลูกหนี้ที่เป็น NPLขณะที่กลุ่มบริหารสินทรัพย์ (BAM) มีผลดำเนินงานไม่โดดเด่นนัก เนื่องจากกำไรจากการขาย NPA หดตัวลง ตามความต้องการซื้ออสังหาฯ ที่ยังไม่ฟื้นตัว
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2563 สะท้อนความเสี่ยงในการตั้งสำรองที่ลดลง สำหรับแนวโน้มช่วง 2Q63 คาดผลดำเนินงานของหุ้นไฟแนนซ์จะค่อนข้างกระจัดกระจาย เนื่องจากเป็นไตรมาสแรกที่มีผลกระทบจากการปิดเมืองปิดห้างเพื่อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19 แต่ในภาพรวม จะมีปัจจัยบวกจากการตั้งสำรองที่ทรงตัว หรือปรับตัวลง QoQ หลังหลายบริษัทจะเริ่มใช้การปรับชั้นลูกหนี้ ตามมาตรการผ่อนปรนการปรับชั้นลูกหนี้ของ ธปท. (ลูกหนี้จะไม่ถูกปรับลด Stage ในช่วง 2 ปีนี้)
รวมถึง คาดลูกหนี้ยังสามารถประครองการชำระเงินได้ หลังภาครัฐฯ อัดฉีดเงินเยียวยาให้กับกลุ่มอาชีพอิสระและเกษตรกร เดือนละ 5,000 บาท 3 เดือน ทำให้เรามองว่าตัวเลข NPL ของกลุ่มจะไม่ปรับตัวขึ้นมาก และทำให้การตังสำรองไม่ดีดตัวขึ้นตามที่ตลาดกังวล ดังนั้นเพื่อสะท้อนผลบวกจากประเด็นดังกล่าว เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรของกลุ่มในปีนี้ขึ้นราว 2.1% (ปรับลด Credit Cost ของ SAWAD และ MTC) ภายใต้ประมาณการใหม่คาดหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์จะมีกำไรสุทธิในปี 2563ราว 23,214 ลบ. หดตัว 3.5%YoY
คาดกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนโตเด่นสุด ส่วนธุรกิจสินเชื่อบัตรและ AMC รอฟื้นตัวใน 3Q63 เราประเมินหุ้นสินเชื่อที่มีหลักประกันจะยังมีกำไรโตเด่นสุด เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยที่ยังขยายตัวได้ตาม พอร์ตสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และไม่ได้รับผลจากการออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ เนื่องจากเป็นการลดวงเงินผ่อนชำระ 30% แต่ยังสามารถรับรู้รายได้ดอกเบี้ยตามปกติขณะที่ NIM คาดจะเริ่มเห็นการปรับขึ้น หลังรับ เงินจาก Soft Loan (สูงสุด 5,000 ลบ.)ซึ่งมีต้นทุนทางการเงินเพียง 2% น้อยกว่าต้นทุนการเงินของบริษัทที่ 3.8-3.9% ช่วยปิดปัญหาด้านสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจในช่วงที่กระแสเงินสดลดลงจากการลดวงเงิน ผ่อนชำระของลูกหนี้บวกกับค่าใช้จ่ายตั้งสำรองคาดอ่อนตัวลง QoQ หลังตั้ง Management Overlay ไว้มากในช่วง 1Q63
โดยเราคาด SAWAD และ MTC จะมีกำไรสุทธิ 4,483 ลบ. และ 4,899 ลบ. โต 19.3%YoY และ 15.6%YoY ตามลำดับ ส่วนสินเชื่อเพื่อการบริโภค แม้ได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการผ่อนปรนการจัดชั้นลูกหนี้เช่นกัน แต่คาดผล ดำเนินงานยังมีความเสี่ยงในส่วนของอัตราโตของสินเชื่อที่ผูกติดกับการบริโภคค่อนข้างมาก (เดือน เม.ย. ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตลดลงกว่า 40%YoY ส่วนเดือน พ.ค. ดีขึ้นเล็กน้อย MoM) กดดันรายได้ดอกเบี้ย และรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายผ่านบัตร โดยคาดเริ่มเห็นการฟื้นตัวแบบ U shape ตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไปหลังเข้าสู่ช่วงปลดล็อคกิจกรรมทาง ศก. และคาดเห็นการกระตุ้น ศก. จากภาครัฐฯ เช่นเงินอุดหนุน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities
บทความห้ามพลาด
รำลึก 3 เดือน Circuit Breaker 10 หุ้นเทอร์โบ รีบาวด์ 100% อัพ