มหกรรมลดราคา Black Friday เริ่มต้นขึ้นแล้ว ตอนนี้! ห้ามพลาดกับส่วนลดสูงสุดถึง 60% InvestingProรับส่วนลด

หุ้น 3 ตัวที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้: Nvidia, Apple, Nike

โดยInvesting.com
ผู้เขียนHaris Anwar
เผยแพร่ 30/06/2562 13:06

ผลจากการพบปะกันในการประชุมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นไปตามที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะกลับไปเจรจาทางการค้ากันอีกครั้ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นการเจรจาที่ส่งผลกระทบอย่างมากกับเศรษฐกิจทั่วโลก

ในช่วงเริ่มต้นการประชุม G20 สุดสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างมีความหวังว่าน่าจะมีข่าวดีเกิดขึ้นในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะสังเกตได้จากการปรับตัวสูงขึ้นของตลาดหุ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ดัชนี S&P 500 ในเดือนมิถุนายนไต่ขึ้นไปได้ถึง 6.9% ซึ่งถือเป็นเดือนที่มีการปรับตัวขึ้นได้สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา โดยมีสาเหตุมาจากความคาดหวังว่าประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศจะหาทางออกร่วมกันได้ ประกอบกับความคาดหมายที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะมีการ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ลงด้วย

อย่างไรก็ตาม การพักรบกันทางสงครามการค้าครั้งนี้ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะหมดไปอย่างถาวรแต่อย่างใด แม้จะมีความหวังมากขึ้นว่าทั้งสองประเทศต้องการที่จะหลีกเลี่ยงผลกระทบทางด้านลบที่จะเกิดขึ้นก็ตาม หากพิจารณาในภาพรวมแล้ว เรากำลังจับตามองหุ้นขนาดใหญ่ 3 ตัวที่อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากตลาดจีน โดยน่าจะมีข่าวดีเกิดขึ้นกับหุ้นทั้งสามตัวในช่วงสัปดาห์หน้านี้

1. Nvidia

บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Nvidia (NASDAQ:NVDA) อาจเป็นผู้นำทีมที่จะสามารถฟื้นตัวกลับมาแซงหน้าหุ้นตัวอื่นในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาเกิดความผันผวนค่อนข้างสูงจากการที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงการถือหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปเนื่องจากมีความเสี่ยงทั้งทางด้านความต้องการและปัญหาสงครามการค้า

NVDA Weekly TTM

ประเทศจีนเป็นทั้งตลาดหลายใหญ่และยังเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของ Nvidia อีกด้วย เนื่องจาก ยอดขาย กว่าครึ่งหนึ่งของบริษัทมาจากจีน ดัชนีอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ในช่วงเดือนพฤษภาคมปรับตัวลงถึงเกือบ 17% ซึ่งนับว่าเป็นการปรับตัวลงในรอบเดือนที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2008 เป็นต้นมา แต่หลังจากนั้นในเดือนมิถุนายนก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้เกือบ 13% ซึ่งถือว่าเป็นการฟื้นตัวได้อย่างแข็งแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2011 เป็นต้นมา

นายควินน์ โบลตัน นักวิเคราะห์อาวุโสด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จาก Needham รายงานไว้ในเดือนพฤษภาคมว่า "ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายบริษัทมีรายได้จากการขายไปยังจีนจำนวนมาก” เขาเสริมว่า “การที่ยังต้องพึ่งพากำลังซื้อจากจีนจึงทำให้อุตสาหกรรมกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ต้องประสบความเสี่ยงกับสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นมากกว่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในกลุ่มอื่นๆ”

หลังจากที่ Nvidia เคยทำราคาสูงสุดตลอดกาลได้ที่ระดับ $292.76 ในเดือนตุลาคม แต่ปัจจุบันราคาหุ้นของ Nvidia มีมูลค่าลดลงไปเกือบ 44% เนื่องจากมีปริมาณความต้องการซื้อที่ลดลง ประกอบกับปริมาณสินค้าคงคลังเพิ่มสูงขึ้น เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาหุ้นของบริษัทไปปิดตลาดอยู่ที่ $164.23 โดยเพิ่มขึ้นเพียง $0.61%

2. Apple

หนึ่งในบริษัทผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ยังคงตกอยู่ ภายใต้แรงกดดัน ตั้งแต่สงครามทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทวีความรุนแรงมากขึ้นคือบริษัท Apple (NASDAQ:AAPL) บริษัทได้ส่งจดหมายถึงรัฐบาลสหรัฐฯ ในเดือนนี้โดยระบุว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันที่จะเรียกเก็บภาษี 25% กับสินค้าล็อตใหม่ที่จะนำเข้าจากจีน จะทำให้เกิดความเสี่ยงกับธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างมาก

AAPL Weekly

บริษัทยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตไอโฟนรายนี้มีการจ้างแรงงานราว 2 ล้านคนในห่วงโซ่อุปทานของบริษัท ซึ่งยังไม่นับรวมถึงพนักงานฝ่ายพัฒนาแอปพลิเคชันของ Apple อีกเป็นจำนวนพอๆ กัน บริษัท Apple ทำการออกแบบและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในสหรัฐฯ เป็นส่วนใหญ่ แต่ยังต้องนำเข้าสินค้าที่ประกอบเสร็จสมบูรณ์แล้วมาจากจีน

การพักรบในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนน่าจะช่วยให้หุ้นของหนึ่งในบริษัทผู้นำทางเทคโนโลยีรายนี้หลุดพ้นความเสี่ยงทางด้านเครือข่ายซัพพลายเออร์ในจีนไปได้อีกเปราะหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ

หุ้นของ Apple ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์อยู่ที่ระดับ $197.92 โดยปรับตัวลดลงราว 1% อย่างไรก็ตามในช่วงเดือนที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว หุ้นของบริษัทก็สามารถปรับตัวขึ้นมาได้กว่า 10%

3. Nike

บริษัทผู้ผลิตสินค้าทางด้านกีฬาอย่าง Nike (NYSE:NKE) ก็ถือเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตในอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิมที่จะได้รับผลกระทบจากข้อพิพาททางสงครามการค้าอย่างมากด้วยเช่นกัน เนื่องจากจีนเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับ Nike

จาก รายงานผลประกอบการ ล่าสุดของบริษัทที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ บริษัทมีรายได้จากจีนแผ่นดินใหญ่เพิ่มขึ้น 22% ซึ่งนับว่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์สองหลักติดต่อกันได้เป็นไตรมาสที่ 20 แล้ว นอกจากนั้นในปีที่แล้ว จีนยังเป็นผู้ผลิตรองเท้าและชุดกีฬาให้กับ Nike ถึง 26% อีกด้วย

NKE Weekly TTM

จนถึงปัจจุบัน Nike ยังคงไม่ได้รับผลกระทบจากสงครามทางการค้าที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด และยังคงเดินหน้าผลิตสินค้าจากจีนต่อไป โดยผู้บริหารบริษัทกล่าวในการประชุมว่าน่าจะมีโอกาสที่จะขยายฐานการผลิตในจีนได้อีก

จากรายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด บริษัททำกำไรได้ $0.62 ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าที่คาดไว้ที่ $0.66 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายและภาษีที่สูงขึ้น หุ้นของบริษัทเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดตลาดที่ระดับ $83.86 โดยปรับขึ้นจากราคาต่ำสุดเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่เคยอยู่ที่ $77 ได้ราว 9%

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย