ด้วยข้อมูลด้านเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แสดงถึงความแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ตลาดหุ้นเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ดัชดีหลักทั้ง 3 ตัวของสหรัฐฯ ได้ไต่ระดับขึ้น 1 % ในช่วงเซสชั่นหลังจากที่มีรายงานประจำเดือนของการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งงานที่มากถึง 266,000 ในเดือนพ.ย. มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 187,000 ตำแหน่ง
นักวิเคราะห์ยังไม่รายงานความผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ จะสื่อสารกับตลาดเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในวันพุธนี้ แม้ว่าการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ของเฟดน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดที่นักลงทุนจะให้ความสนใจในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ แต่ก็ยังมีการประกาศผลประกอบการที่สำคัญที่น่าสนใจไม่น้อยทีเดียว ซึ่ง 3 บริษัทที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้น่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับตลาดเช่นกัน เมื่อถึงเวลารายงานตัวเลขของผลประกอบการ
1. Costco Wholesale
ภาคการค้าปลีกจะถูกกลับมาพิจารณาอีกครั้งเมื่อ Costco Wholesale (NASDAQ:COST) รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค.หลังจากตลาดปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์กำไรต่อหุ้นที่ $1.71 เหรียญ และยอดขายทั้งหมดที่ $37,360 ล้านเหรียญ โดยที่ไม่เหมือนกับร้านค้าปลีกอื่นๆ Costco มีแนวโน้มจะมีรายงานตัวเลขที่แข็งแกร่ง บริษัทได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของการเติบโตทั่วโลกและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกำแพงภาษียอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นเป็น 5% จากยอดขายที่เปรียบเทียบได้ในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 1 ก.ย.ซึ่งยอดขายออนไลน์โดยไม่เปรียบเทียบขึ้นเป็น 22% ในช่วงเวลาเดียวกัน หุ้นปรับตัวขึ้น 0.63% ในวันศุกร์ ตอนนี้หุ้นเพิ่มขึ้น 44% จนถึงปีนี้ เทียบกับ 6% สำหรับคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดคือ BJs Wholesale Club Holdings (NYSE:BJ)
2. Broadcom
ผู้ผลิตชิปรายสุดท้ายที่ปล่อยรายงานผลประกอบการออกมาในฤดูกาลนี้คือ Broadcom (NASDAQ:AVGO) ซึ่งจะรายงานตัวเลขในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค. นี้ หลังจากตลาดปิดเช่นกัน กำไรต่อหุ้นที่คาดการณ์อยู่ที่ $5.36 เหรียญ จากยอดขายทั้งหมดที่ $5,740 ล้านเหรียญ
การชะลอตัวล่าสุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์กำลังแสดงสัญญาณของจุดต่ำสุดโดยดัชนีเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้นเกือบ 50% ในปีนี้ จากมาตรการดังกล่าวหุ้นของ Broadcom นั้นมีประสิทธิภาพต่ำกว่าระดับที่เพิ่มขึ้นเพียงครึ่งเดียวของดัชนี สต็อกปิดที่ $ 316.05 เหรียญ ในวันศุกร์ เพิ่มขึ้น 1.56%
ในรายงานผลประกอบการล่าสุด นักลงทุนต่างก็กระตือรือร้นอยากจะทราบถึงกลยุทธ์ล่าสุดของบริษัท ซึ่งนำโดยประธานกรรมการผู้บริหาร Hock Tan ที่จะเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงการซื้อสินทรัพย์ซอล์ฟแวร์
เมื่อปีที่ผ่านมาBroadcomได้ซื้อกิจการจาก Symantec's (NASDAQ:NLOK) แผนกรักษาความปลอดภัยขององค์กร ที่ผลิตซอฟต์แวร์เพื่อป้องกันเหล่าแฮกเกอร์ ในราคา $10,000 ล้านเหรียญ ซึ่งถือว่าเป็นการซื้อซอฟต์แวร์ครั้งที่สองที่ใหญ่ที่สุดของ Broadcom
3. Adobe Systems
อีกหนึ่งหุ้นที่อาจทำให้นักลงทุนประหลาดใจในสัปดาห์นี้คือ Adobe Systems (NASDAQ:ADBE) ผู้ผลิต Photoshop ยังออกงบการเงินในปี 2019 ซึ่งเป็นผลประกอบการไตรมาสสี่ ในวันพฤหัสบดีหลังจากตลาดปิด ตลาดหุ้น Wall Street คาดว่าจะมีกำไรต่อหุ้น $2.26 เหรียญและเกือบ 3,000 ล้านเหรียญ
ในเดือนกันยายน Adobe จัดทำประมาณการรายรับสำหรับไตรมาสที่สี่ ซึ่งต่ำกว่าประมาณการของตลาดหุ้น Wall Street ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการเติบโตของยอดขายที่ชะลอตัวลงสำหรับผลิตภัณฑ์การตลาดรุ่นใหม่ ประธานกรรมการบริหารนาย Shantanu Narayen ทำการตลาดและซื้อผลิตภัณฑ์อีคอมเมิร์ซหลายครั้งในช่วงสองปีที่ผ่านมาเพื่อเพิ่มรายได้ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% ในแต่ละไตรมาสตั้งแต่ปี 2015
ปีที่แล้ว Adobe ซื้อ Magento Commerce ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและผู้สร้างซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติ Marketo Adobe ซึ่งแข่งขันกับ Salesforce.com (NYSE:CRM) ทั้งในเรื่องของการตลาดและเทคโนโลยีอีคอมเมิร์ซ กำลังพยายามที่จะเติบโตโดยการขยายธุรกิจของตัวเอง ในขณะที่เสริมความแข็งแกร่งให้กับจุดแข็งของตัวเองคือธุรกิจซอฟต์แวร์ด้านการสร้างสรรค์
การซื้อขายหุ้น Adobe นั้นคึกคักในปีนี้ พุ่งขึ้นประมาณ 35% สต็อกปิดที่ $ 306.23 ในวันศุกร์หลังจากเพิ่มขึ้นมากกว่า 1%