ปู่ Charlie Munger เตือนนักลงทุนให้ระวังฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐแตก จากสัญญาณที่นักลงทุนเริ่มโลภมาก "ถึงขั้นรุมเข้าซื้อหุ้นบริษัทเปิดใหม่ที่ยังไม่มีกำไรกันในราคาที่แพง!"
ปู่ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธาน Berkshire Hathaway และคู่หูนักลงทุนระดับตำนานอย่างวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ออกมาให้ความเห็นกับผู้ถือหุ้นประจำปีของ Daily Journal ไปเมื่อไม่นานมานี้ ทางแอดเพิ่งมีโอกาสได้ฟังจึงอยากนำมาสรุปให้ทุกทันกันว่า
1️. การเก็งกำไรในตลาดหุ้นกำลังสูงเข้าใกล้ระดับฟองสบู่ DotCom ในปี 2000
มังเกอร์ บอกว่าเขากังวลมากๆที่กำลังมีนักลงทุนจำนวนมากแห่เข้าซื้อหุ้นกันอย่างบ้าคลั่ง โดยเฉพาะการใช้ Margin หรือ Leverage ซึ่งเสมือนกับการกู้เงินมาซื้อ ทำให้มีกำลังในการซื้อที่มากเกินความเป็นจริง
นี่เป็นสัญญาณที่เราเห็นได้ก่อนทุกๆฟองสบู่แตก ที่นักลงทุนจะเริ่มโลภมากและทุ่มทุกสิ่งทุกอย่างลงไปบนตลาดหุ้นเพื่อหวังกำไรในระยะสั้น
2️. แอปเทรด Robinhood กำลังเป็นตัวแปรสำคัญในฟองสบู่ครั้งนี้
Robinhood เป็นแอปเทรดที่กำลังดึงนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้นทุกๆวัน เพราะนอกจากตลาดจะเป็นขาขึ้นแล้วการเปิดให้ซื้อขายหุ้นโดยที่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมของ Robinhood หรือการเปิดให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงวงเงินกู้ในการเทรด Leverage ได้อย่างง่าย กำลังทำให้มีเงินไหลเข้าตลาดมากเกินควร
และที่น่ากลัวคือเงินเหล่านี้กำลังไหลเข้ามาโดยที่ไม่ได้คำนึงภึงราคาพื้นฐานบนราคาหุ้นเลย มีแต่ซื้อตามน้ำอย่างเดียว ทำให้ PE Ratio หรือ สัดส่วนกำไรต่อราคาหุ้นกำลังพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติกาล ถ้าใครไม่ใช่นักลงทุน VI ตัวจริงจะมองไม่เห็นเลยว่า ราคาหุ้นตอนนี้มันกำลังแพงมากกว่าราคาพื้นฐานแค่ไหน
โบรกเกอร์อย่าง Robinhood กำลังใช้ความโลภของนักลงทุนดึงเงินเข้ามาในตลาดจนทำให้เกิดเป็นฟองสบู่ลูกใหญ่นี้ขึ้น นี่ยังไม่รวมอีกหลายวิธีที่ทาง Robinhood กำลังแอบทำกำไรและหาเงินจากลูกค้าในทางที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะเป็นการขายข้อมูลลูกค้า นำหุ้นลูกค้าไป Short Sell ต่อ หรือการซื้อหุ้นตัดหน้าลูกค้าตัวเอง (Frony Run)
ทุกคนก็ไม่ควรเชื่อว่าการเทรดกับทาง Robinhood จะเป็น ของฟรี ทาง Munger กล่าว
3️. GameStop ถึงจะเป็นเหตุการณ์ที่ฟังดูสนุก แต่มันกำลังจะสร้างหายนะในตลาดหุ้น
เหตุการณ์เก็งกำไรในหุ้น GameStop ชี้ให้เห็นเลยว่าตลาดหุ้นสำหรับรายย่อยจำนวนมากตอนนี้กำลังเป็นสนามพนันมากกว่าการลงทุน
จริงอยู่ว่าในเหตุการณ์ GameStop นั้น นักลงทุนรายย่อยบางส่วน (แค่บางส่วนจริงๆ) ที่มีความชาญฉลาด และสามารถทำกำไรได้จากการ Short Squeeze เหล่ากองทุน Wall Street
แต่การที่นักลงทุนส่วนมากกำลังกรูเข้าหาหุ้นเพื่อหวังกำไรระยะสั้นนั้น ช่างเป็นสิ่งที่อันตรายและโง่เขลาอย่างมาก และ Munger เชื่อเลยว่าสุดท้ายมันก็จะจบไม่สวยเลย
4️. การลงทุนใน SPAC ที่กำลังบูมก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณอันตราย
SPAC คือระบบการลงทุนที่นายทุนจะนำเงินรายย่อยมารวมกันและเข้าซื้อหุ้นจากบริษัทนอกตลาดเพื่อหวังที่จะนำหุ้นนั้นเข้าตลาดในอนาคต โดยในปีที่ผ่านมานี้ SPAC เป็นตลาดที่ Boom ที่สุดและกำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากนักลงทุนรายย่อยในสหรัฐ
Munger กล่าวว่า SPAC เป็นอีกสัญญาณว่าตลาดกำลังเกิดฟองสบู่ เพราะบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังไม่สามารถทำกำไรได้เลย และคงต้องรออีก 5-6 ปีกว่าจะเริ่มทำกำไรได้ (หรืออาจจะทำไม่ได้เลย) แต่นักลงทุนรายย่อยที่กำลังรุมกรูเข้าไปซื้อ SPAC เพื่อหวังจะเป็นเจ้าของบริษัทที่มีการเติบโตสูงในอนาคตนั้นชี้ให้เห็นเลยว่า นักลงทุนรายย่อยไม่มีประสบการณ์ เพราะทุกคนยอมที่จะจ่ายเงินในราคาที่แพงมากกับบริษัทที่ยังไม่มีผลงานอะไรเลย
ข้อนี้ส่วนตัวแอดคิดว่าคงยังต้องเถียงกันอีกนาน เพราะ SPAC นั้นมีทั้งบริษัทที่ดีและไม่ดีรวมปนกันอยู่ไปหมด จะเหมา SPAC ทั้งหมดรวมๆกันอย่างเดียวไม่ได้ แต่แน่นอนว่าทางแอดไม่เชื่อว่าทุกบริษัทที่กำลังเข้าตลาดผ่าน SPAC นั้นจะสามารถทำกำไรได้มากเท่ากับความคาดหวังของตลาดที่กำลังใส่เข้าไปในเวลานี้
5️. Munger เชื่อว่า ฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐจะต้องแตกแน่ๆ แค่ไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่
ปัจจัยที่ตลาดกำลังอยู่ในสภาวะดอกเบี้ยต่ำติดดินนั้นทำให้เป็นการที่คาดเดาได้ยากขึ้นว่าฟองสบู่จะแตกเมื่อไหร่ เพราะเวลานี้ดอกเบี้ยต่ำมากจนไม่มีใครอยากจะฝากเงินหรือซื้อพันธบัตรอีกต่อไป หากไม่ฝากเงินไว้ในธนาคาร ก็เป็นธรรมชาติที่เงินจะไหลเข้าตลาดหุ้น
และเงินเหล่านี้กำลังเต็มใจที่จะถือหุ้นที่มีค่า PE สูง หรือเป็นหุ้นที่มีราคาสูงกว่าพื้นฐานหลายเท่า มันเป็นสถานการณ์ที่เขาแทบจะไม่ได้เห็นมาก่อนเลย
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร Munger เชื่อว่ายิ่งฟองสบู่ลูกนี้ลอยขึ้นไปไกลเท่าไหร่ ยิ่งมีเงินไหลเข้าไปมากเท่าไหร่ ในขณะที่มูลค่าและผลผลิตไม่ได้เติบโตเท่าที่คาด ก็กำลังจะทำให้ฟองสบู่ลูกนี้แตกอย่างรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น
และทั้งหมดนี่ก็คือสัญญาณที่ Charlie Munger เตือนนักลงทุนให้ระวังฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐแตกให้ดี
ติดตามข่าวสารการลงทุนที่น่าสนใจไปกับ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ Facebook fanpage ทันโลกกับTraderKP