- ข้อมูลดัชนียอดค้าปลีก การสำรวจ PMI และคำแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด จะถือเป็นจุดสนใจในสัปดาห์นี้
-
Hewlett Packard Enterprise นั้นควรซื้อเนื่องจากกำลังจะมีการจัดงาน HPE Discover Event ประจำปีนี้
-
ส่วน Kroger นั้นควรขายเนื่องจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังและคำแนะนำที่ต่ำเกินคาด
-
หากคุณกำลังมองหาตัวช่วยในการลงทุน สมัครเลย!! InvestingPro เพื่อเข้าถึงเครื่องมือ AI ที่ช่วยให้คุณชนะตลาดได้ด้วนตนเอง
หุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดแบบหลากหลายในวันศุกร์ โดย Nasdaq คอมโพสิต ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ห้าติดต่อกัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงประเมินถึงช่วงเวลาที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สำหรับสัปดาห์นี้ Nasdaq ซึ่งประกอบไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ได้เพิ่มขึ้น 3.2% ส่วน S&P 500 ก็เพิ่มขึ้นที่ 1.6% ขณะที่ ดาวโจนส์ ลดลง 0.5%
ที่มา: Investing.com
ในสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นของสหรัฐฯ จะปิดทำการ 1 วันในวันพุธเนื่องในวัน Juneteenth ซึ่งคาดว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่วุ่นวาย เนื่องจากนักลงทุนกำลังพิจารณาว่าการแรลลี่ที่ได้ขับเคลื่อนด้วย AI ในวอลล์สตรีทนั้นยังคงมีแรงเหลืออยู่มากแค่ไหน และเมื่อใดที่ธนาคารกลางสหรัฐจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ย
สิ่งที่สำคัญที่สุดในปฏิทินเศรษฐกิจคือรายงานดัชนียอดค้าปลีกประจำเดือนพฤษภาคมของสหรัฐฯ ในวันอังคาร ซึ่งคาดว่าจะแสดงถึงการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนนี้
ที่มา: Investing.com
ซึ่งจะเกิดขึ้นพ้อมกับการปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่จากธนาคารกลางหลายคน เช่น ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐจากเขตต่าง ๆ อย่างเช่น Lisa Cook กับ Thomas Barkin และ Adriana Kugler ซึ่งทั้งหมดจะขึ้นกล่าวคำปราศรัย ในปัจจุบันเทรดเดอร์มองเห็นโอกาสประมาณ 70% ที่จะเกิดการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนกันยายน ตามที่เครื่องมือ ติดตามอัตราดอกเบี้ยเฟด ของ Investing.com ระบุ
ในขณะเดียวกัน ก็มีผลประกอบการที่สำคัญบางส่วนที่น่าจับตามองได้แก่ รายงานจาก Lennar (NYSE:LEN) KB Home (NYSE:KBH) Darden Restaurants (NYSE:DRI ) และ Kroger (NYSE:KR)
ไม่ว่าตลาดจะขยับไปในทิศทางไหน แต่ด้านล่างนี้เราจะโฟกัสไปที่หุ้นหนึ่งตัวที่น่าจะมีความต้องการสูงและอีกหนึ่งตัวที่อาจมองเห็นข้อเสียใหม่ โปรดจำไว้ว่ากรอบเวลาของเรานั้นเป็นเพียงสำหรับสัปดาห์ข้างหน้า ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน ถึงวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายนเท่านั้น
หนึ่งหุ้นที่ควรซื้อ: Hewlett Packard Enterprise
หุ้นของ Hewlett Packard Enterprise (NYSE:HPE) คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานที่ดีมากในสัปดาห์นี้ เนื่องจากบริษัทที่เชี่ยวชาญในด้าน edge-to-cloud จะจัดงานประชุม ‘HPE Discover summit’ ซึ่งถูกคาดหวังอย่างสูงว่าจะมีการนำเสนอความก้าวหน้าล่าสุดในด้านแอพพลิเคชั่น Edge Computing และการประยุกต์ใช้ AI
การประชุมระยะเวลาสี่วันดังกล่าวมีชื่อว่า ‘Discover What’s Next’ ซึ่งจะเริ่มขึ้นในวันนี้ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าที่ Venetian ในลาสเวกัส
การประชุมส่วนใหญ่นั้นจะเน้นไปที่การกล่าวคำแถลงของ CEO Antonio Neri’s ในวันอังคาร เวลา 12:00PM EST หรือ 9:00AM PDT ที่ Sphere เขาจะขึ้นเวทีร่วมกับ CEO ของ Nvidia (NASDAQ:NVDA) Jensen Huang
จากคำอธิบาย Neri และ Huang จะนำเสนอแผนกลยุทธ์ล้ำสมัยและให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มและนวัตกรรมใหม่ในด้าน edge & networking กับ hybrid cloud และปัญญาประดิษฐ์
นอกจากนี้ สมาชิกคนสำคัญอื่น ๆ ของทีมผู้นำ HPE รวมถึงหัวหน้าเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีอย่าง Fidelma Russo ก็จะมีการเปิดเผยประกาศล่าสุดกับความร่วมมือ และนวัตกรรมที่มาจาก HPE และลูกค้าทั่วโลก
หุ้นของ Hewlett Packard Enterprise มักจะปรับขึ้นในช่วงสัปดาห์ของงาน ‘Discover’ ในทุก ๆ ปี บริษัทมีความเชี่ยวชาญทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และการให้คำปรึกษาระดับองค์กรที่ดึงดูดการอัพเกรดระดับจากนักวิเคราะห์หลังงานประชุม
ที่มา: Investing.com
หุ้น HPE ปิดตลาดในวันศุกร์ที่ระดับสูงสุดใหม่ในรอบ 52 สัปดาห์ที่ 21.60 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2017 ขณะนี้บริษัทเทคโนโลยีจากเท็กซัสมีมูลค่าตลาดที่ 28.1 พันล้านดอลลาร์
หุ้นมีแนวโน้มขาขึ้นนับตั้งแต่ต้นปี โดยเพิ่มขึ้นประมาณ 27% ในปี 2024 เนื่องจากความต้องการขององค์กรที่พุ่งสูงขึ้นในโซลูชัน Edge Computing และ hybrid cloud ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ของบริษัท
ที่มา: Investing.com
ตามที่ ProTips ของเราระบุ Hewlett Packard Enterprise มีคะแนนสุขภาพทางการเงินที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 2.9 จาก 5.0 และยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่งและโอกาสในการเติบโตของยอดขายที่แข็งแกร่ง
หนึ่งหุ้นที่ควรขาย: Kroger
เราเชื่อว่า Kroger กำลังจะเผชิญกับสัปดาห์ที่ยากลำบาก เนื่องจากผลประกอบการล่าสุดของยักษ์ใหญ่ด้านซูเปอร์มาร์เก็ตมีแนวโน้มที่จะเผยให้เห็นการชะลอตัวลงอย่างมากทั้งในด้านกำไรและการเติบโตของยอดขายเนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน
บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมือง Cincinnati รัฐ Ohio มีกำหนดจะรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกก่อนที่ตลาดสหรัฐฯ จะเปิดในวันพฤหัสบดี เวลา 8:00 ET ตัวเลขคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นและการแข่งขันที่รุนแรงจากยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอย่าง Costco (NASDAQ:COST) Walmart (NYSE:WMT) และ Amazon (NASDAQ:AMZN)
การสำรวจของ InvestingPro เกี่ยวกับการปรับปรุงประมาณการของนักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นก่อนการรายงานผลประกอบการ โดยนักวิเคราะห์ทั้งสี่ได้ลดประมาณการของพวกเขาลงในช่วง 90 วันที่ผ่านมา เนื่องจากหุ้นกลุ่มเครือร้านขายของชำของวอลล์สตรีทมีแนวโน้มเชิงลบมากขึ้น
นักลงทุนคาดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในหุ้น KR หลังจากการอัปเดต โดยมีการเคลื่อนไหวโดยนัยประมาณ 6% ในแต่ละทิศทางตามออปชันของตลาด
ที่มา: Investing.com
Kroger ซึ่งดำเนินการมากกว่า 2,700 แห่งใน 35 รัฐทั่วสหรัฐอเมริกา คาดว่าจะรายงานผลกำไรต่อหุ้นในไตรมาสที่ 1 ที่ 1.36 ดอลลาร์ ลดลง 9.9% จาก EPS ที่ 1.51 ดอลลาร์ ในช่วงเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ท่ามกลางแรงกดดันด้านต้นทุนที่สูงขึ้นและผลกำไรที่ลดลง
ในขณะเดียวกัน รายได้ก็คาดว่าจะลดลง 0.3% ต่อปีเป็น 45.09 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดน้อยลง
เมื่อมองไปข้างหน้า เราเชื่อว่าผู้บริหารของ Kroger จะให้คำแนะนำที่ไม่น่าพอใจสำหรับไตรมาสปัจจุบัน ซึ่งสะท้อนถึงอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงและชะลอตัวของปริมาณลูกค้าในแต่ละสาขาของพวกเขาท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน
หุ้น KR ปิดที่ 50.38 ดอลลาร์ ในวันศุกร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม ในการประเมินค่าปัจจุบันนั้น Kroger มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 36.3 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เป็นเครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
ที่มา: Investing.com
หุ้นมีผลการดำเนินงานที่ล้าหลังตั้งแต่ช่วงต้นปีของตลาดโดยรวมในปี 2024 โดยเพิ่มขึ้นเพียง 10.2% เมื่อเทียบกับการเพิ่มขึ้นเกือบ 14% ของ S&P 500
อย่าพลาดที่จะใช้ InvestingPro ของเราเพื่อให้คุณรู้เท่าทันแนวโน้มของตลาดและจุดมุ่งหมายในการเทรด
ผู้ที่อ่านบทความนี้จะได้รับส่วนลดพิเศษสูงถึง 40% หากสมัครแบบรายปีและสองปีด้วยโค้ดส่วนลด PROTIPS2024 (รายปี) และ PROTIPS20242 (สองปี)
ไม่ว่าคุณจะเป็นนักลงทุนมือใหม่หรือเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ การใช้ประโยชน์จาก InvestingPro จะสามารถเปิดโลกของโอกาสในการลงทุนพร้อมกับลดความเสี่ยงท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เงินเฟ้อที่สูง อัตราดอกเบี้ยที่สูง และความวุ่นวายทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น
สมัครเลยตอนนี้!! และคุณจะได้ตัวช่วยมากมายทั้ง:
-
ProPicks: หุ้นที่ได้รับการคัดเลือกโดย AI ที่มีประวัติและประสิทธิภาพที่พิสูจน์แล้ว
-
Fair Value: หาคำตอบได้ในทันทีว่าหุ้นนั้นมีราคาต่ำหรือสูงเกินไปหรือไม่
-
ProTips: ข้อมูลเชิงลึกที่เข้าใจง่ายเพื่อช่วยลดความซับซ้อนของข้อมูลทางการเงิน
-
Advanced Stock Screener: ค้นหาหุ้นที่ดีที่สุดจากตัวกรองและเกณฑ์วัดที่มีให้เลือกหลายร้อยรายการ
-
Top Ideas: ทำให้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่านักลงทุนพันล้านอย่าง Warren Buffett Ray Dalio Michael Burry และ George Soros กำลังซื้อหุ้นตัวไหน