กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ “ขึ้น” ดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00%
ตามการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงอยู่ในระดับสูง
- Bank of Thailand Benchmark Interest Rate
Actual: 2.00% Previous: 1.75%
KTBGM: 2.00% Consensus: 2.00%
- กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “ขึ้น” ดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.00% ตามคาด หลังเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่องหนุนโดยภาคท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ในระดับสูงและมีความเสี่ยงจากแรงหนุนด้านอุปสงค์และการส่งผ่านต้นทุน ทำให้การทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้นยังคงเหมาะสม
- กนง. “คง” คาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2023 และ 2024 ที่ระดับ +3.6%y/y และ +3.8%y/y ตามเดิม ทั้งนี้ กนง. ปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลงจากประมาณการครั้งก่อนพอสมควร โดยมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องสู่ระดับ 2.5% และระดับ 2.0% ในปี 2023 ตามลำดับ แม้ กนง. จะปรับลดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลง แต่ กนง. ยังคงแสดงความกังวลต่อพัฒนาการของเงินเฟ้อ ซึ่งยังมีความเสี่ยงด้านสูง ซึ่งส่วนหนึ่ง ขึ้นอยู่กับนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในระยะถัดไป
- เรามองว่า กนง. มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อสู่ระดับ 2.25% ในการประชุมเดือนสิงหาคม หากเศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ดีและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อยังเป็นไปตามคาด ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดได้รับรู้มุมมองดังกล่าวไปบ้างแล้ว (โอกาสขึ้น 50%-60%) ทำให้เรามองว่า หากบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้นก็อาจเป็นจังหวะในการทยอยซื้อ โดยบอนด์ยีลด์ระยะกลาง-ยาว อาจมีช่วงในการปรับตัวที่กว้างกว่าบอนด์ยีลด์ระยะสั้น และคงแนะนำ Sell on Rally หากบอนด์ยีลด์มีการปรับตัวลดลง ยกเว้นบอนด์ยีลด์ระยะยาวที่อาจถือต่อได้ ตามแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- การประชุมครั้งถัดไป: 2 สิงหาคม 2566
กนง. มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ “ขึ้น” ดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 2.00% เพื่อให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
- กนง. คงมุมมองว่า เศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเศรษฐกิจไทยจะโตราว +3.6% ได้ในปีนี้ และขยายตัว +3.8% ในปีหน้า หนุนโดยแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนเป็นปัจจัยสำคัญ ขณะที่การส่งออกสินค้ามีแนวโน้มทยอยฟื้นตัว ส่วน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มปรับตัวลง เฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ระดับ 2.5% และระดับ 2.0% ในปีหน้า ตามแรงกดดันจากค่าไฟฟ้าและราคาน้ำมันที่จะลดลง ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัวที่ระดับ 2.0% อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงด้านสูงอยู่ ตามการส่งผ่านต้นทุนและแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ตามภาพการฟื้นตัวเศรษฐกิจ กนง. จึงมีมติให้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25%
- กนง. มองว่า การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีความเหมาะสมกับบริบทเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในอนาคต อย่างไรก็ดี กนง. ก็พร้อมปรับขนาดและเงื่อนไขเวลาของการขึ้นดอกเบี้ย ให้สอดคล้องกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ภายใต้ความเสี่ยงสำคัญต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ อาทิ 1. เศรษฐกิจและเงินเฟ้ออาจเร่งขึ้นมากกว่าคาด 2. ความไม่แน่นอนของทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐในอนาคต และ 3. แนวโน้มเศรษฐกิจและการเงินโลก
แม้ กนง. ปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อลง แต่ประเด็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ควรเป็นบวก เมื่อเศรษฐกิจกลับสู่ระดับศักยภาพ ทำให้เรามองว่า กนง. อาจขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 2.25%
- มุมมองของ กนง. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ขณะที่ กนง. ยังคงแสดงความกังวลต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อ ที่มีความเสี่ยงด้านสูงอยู่ สะท้อนผ่านการวิเคราะห์ของ กนง. ที่มองว่า อัตราเงินเฟ้อถูกขับเคลื่อนด้วยองค์ประกอบที่มีความหนืดมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ เมื่ออัตราเงินฟ้อพื้นฐานอยู่ในระดับสูงนาน ก็อาจส่งผลต่อการปรับราคาสินค้าและบริการ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการส่วนใหญ่ก็ยังไม่ได้ส่งผ่านต้นทุนมากนัก นอกจากนี้ เราคาดว่า กนง. อาจได้ลองประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อภายใต้สมมติฐานนโยบายเศรษฐกิจของว่าที่รัฐบาลไปบ้างแล้ว ดังจะเห็นได้จาก กนง. ประเมินว่า ยังมีความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจภาครัฐในอนาคต ที่อาจส่งผลต่อทิศทางอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งบทสรุปของการวิเคราะห์ดังกล่าวได้นำมาสู่ คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ที่เป็น Fan Chart มีกรอบที่กว้างขึ้น
- นอกจากนี้ เรามองว่า กนง. อาจมีความต้องการเห็นอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (Real Policy Rate) ที่เป็นบวก เมื่อเศรษฐกิจไทยกลับสู่ระดับศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันเศรษฐกิจไทยยังไม่ถึงระดับดังกล่าว ทำให้เราปรับมุมมองใหม่ว่า กนง. อาจเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก +0.25% ในการประชุมเดือนสิงหาคม สู่ระดับ 2.25% อย่างไรก็ดี เรายอมรับว่า มุมมองดังกล่าว อาจปรับเปลี่ยนไปได้ หากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงมากขึ้นหรือเกิดความวุ่นวายทางการเมืองขึ้น
- เรามองว่า ผู้เล่นในตลาดได้รับรู้มุมมองการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อของ กนง. ไปบ้างแล้ว ทำให้บอนด์ยีลด์ระยะสั้นของไทย รวมถึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น เช่น THOR มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ไม่มาก เราจึงมองว่า นักลงทุนควรรอจังหวะที่บอนด์ยีลด์มีการปรับตัวสูงขึ้น ในการทยอยเข้าซื้อสะสม (Buy on Dip) หรือ ปิดความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ เรามองว่า บอนด์ยีลด์ระยะกลาง-ยาว อาจมีช่วงการปรับตัวที่กว้างกว่าบอนด์ยีลด์ระยะสั้น เนื่องจากอาจมีปัจจัยภายนอก อย่าง การเคลื่อนไหวของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มากระทบ
- ทั้งนี้ หากบอนด์ยีลด์ระยะสั้นมีการปรับตัวลดลง เรามองว่าอาจเป็นจังหวะในการขายทำกำไรระยะสั้น หรือ sell on rally แต่สำหรับบอนด์ระยะยาว เรามองว่า นักลงทุนอาจสามารถ let profits run เนื่องจากเราคงมองว่า บอนด์ยีลด์ระยะยาวควรทยอยปรับตัวลดลง ให้สอดคล้องกับแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปลายปีนี้ ก็มีโอกาสเห็น บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลดลงพอสมควรจากระดับปัจจุบัน ซึ่งก็อาจกดดันให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี ไทย ปรับตัวลดลงตามได้บ้างเช่นกัน
แสดงความคิดเห็น
เราสนับสนุนให้ท่านได้ใช้ช่องทางการแสดงความคิดเห็นนี้เพื่อสื่อสารสัมพันธ์กับผู้ใช้เว็บไซต์อื่นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนในทัศนคติและสอบถามข้อสงสัยกับผู้เขียนและสอบถามซึ่งกันและกัน อย่างไรก็ตามเพื่อให้การสื่อสารสัมพันธ์นี้เป็นไปอย่างเรียบร้อยที่เราทุกคนต้องการและคาดหวังดังนี้กรุณาพึงระลึกในข้อปฏิบัติดังต่อไปนี้:
ผู้ที่โพสต์เนื้อหาข้อความสแปมหรือใช้เว็บไซต์นี้ไปในทางผิดจะถูกลบรายชื่อทิ้งจากเว็บไซต์และถูกปิดกั้นการลงทะเบียนเป็นสมาชิกในอนาคตซึ่งเป็นไปตามดุลพินิจของเว็บไซต์ Investing.com