รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ล็อกดาวน์ในจีนทำนักลงทุนน้ำมันตระหนก อเมริกามีรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ

เผยแพร่ 29/03/2565 15:24

หากไม่นับเรื่องสงครามรัสเซียยูเครน และความสามารถในการเติบโตของเงินเฟ้อทั่วโลก ที่นักลงทุนอย่างเราๆ ต้องให้ความสำคัญอยู่แล้ว สิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาดูในสัปดาห์นี้การล็อกดาวน์มหานตรเซี่ยงไฮ้ของประเทศจีนเพราะการระบาดของโควิด และการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ของเดือนมีนาคม ที่จะเกิดขึ้นทันทีในวันศุกร์ที่ 1 เมษายนนี้เลย Oil Daily

เกือบลืมไปว่าก่อนที่จะมีการรายงานตัวเลข NFP ในวันศุกร์ นักลงทุนจะได้ทราบตัวเลขดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE Index) ในวันพฤหัสบดีนี้ด้วย ซึ่งความสำคัญของตัวเลขดังกล่าวคือการเป็นหนึ่งในสี่มาตรวัดเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ

มาเริ่มที่สถานการณ์ตลาดน้ำมันกันก่อน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในช่วงเวลาเที่ยงวันของตลาดซื้อในสิงคโปร์เมื่อวานนี้ปรับตัวลดลง 2.6% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $114.14 ต่อบาร์เรล ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ก็ปรับตัวลดลง 3.1% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $110.39 แม้ว่าสัปดาห์ก่อนหน้านั้นจะปรับตัวขึ้นมาทั้งหมด 8.8% ในรายงานจากธนาคารเจพี มอร์แกนของสัปดาห์ที่แล้วระบุว่าแม้ราคาน้ำมันจะทรงตัวอยู่เหนือ $100 ต่อบาร์เรล มาตั้งแต่การเริ่มรุกรานยูเครนในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เห็นสัญญาณการทำลายอุปสงค์เกิดขึ้นGold Daily

แม้แต่สินทรัพย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวคานความเสี่ยงสงครามและปัญหาเศรษฐกิจอย่างทองคำเมื่อวานนี้ก็ปรับตัวลดลงในตลาดซื้อขายฝั่งเอเชีย สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าที่จะส่งมอบในเดือนเมษายนบนตลาด COMEX ปรับตัวลดลง 0.5% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,944.10 ต่อออนซ์ ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าสัญญาซื้อทองคำฟิวเจอร์สปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.3% 

ณ ประเทศจีน หลังจากที่มีสถิติการติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการในแต่ละวันเพิ่มสูงขึ้น นครเซี่ยงไฮ้ก็ได้ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่าจะล็อกดาวน์เมืองหลวงแห่งนี้ และจะแบ่งเฟสการทำงานเพื่อดำเนินการทดสอบ COVID-19 ในช่วงเก้าวันออกเป็นสองเฟส 

เซี่ยงไฮ้ต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเป็นวันที่จำนวนผู้ป่วยรายวันสูงที่สุดนับตั้งแต่การระบาดครั้งแรกลดลง มีผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการรายใหม่ที่เซี่ยงไฮ้ตอนนี้ 2,631 ราย ซึ่งคิดเป็นเกือบ 60% ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ที่ไม่แสดงอาการทั้งหมดของจีนในวันนั้น และรวมผู้ติดเชื้อรายใหม่ 47 รายที่มีอาการ

ก่อนหน้านี้ ทางการเซี่ยงไฮ้ไม่เคยยินยอมให้มีการปิดเมืองในวงกว้าง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เศรษฐกิจภายในเมืองเสียหาย ประเทศจีนเลือกใช้วิธี "การแบ่งส่วนและแบ่งแยก" ที่เฉพาะกลุ่มมากขึ้น เพื่อให้สามารถคัดกรองย่านชุมชนใกล้เคียงได้ทีละแห่ง

ภายใต้คำสั่งใหม่ การขนส่งสาธารณะ บริการเรียกรถแท็กซี่ส่วนบุคคล ในพื้นที่เหล่านี้จะถูกระงับ รัฐบาลประกาศในแอปพลิเคชัน WeChat อย่างเป็นทางการ ภาครัฐระบุรายละเอียดลงไปถึงยานพาหนะที่ไม่ผ่านการอนุมัติ ซึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานบนท้องถนน นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า บริษัทและโรงงานทั้งหมดจะต้องหยุดการผลิต หรือทำงานจากสถานที่ต่างกันได้เท่านั้น ยกเว้นเอาไว้เพียงบริษัทที่เกี่ยวข้องในการนำเสนอบริการสาธารณะหรือการจัดหาอาหาร

ในรายงานของเจพี มอร์แกนกล่าวว่าราคาน้ำมันดิบที่มีราคาสูงไม่ได้เป็นเพียงตัวเร่งเดียวในการทำลายอุปสงค์ของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์เท่านั้น แต่วิกฤตการณ์ในยูเครน การคว่ำบาตรทางการเงินในรัสเซีย และการแพร่ระบาดของโอมิครอนในจีนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลโดยตรงต่อการใช้เชื้อเพลิงในประเทศจีน ความเสี่ยงนี้คาดว่าจะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนจะหดตัวในเดือนมีนาคมและเมษายน จนต้องลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 2 ของจีนลง 1.1%

การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในจีนทำให้เจพี มอร์แกนเชื่อว่าความต้องการน้ำมันภายในประเทศในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 จะลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปรับลดตัวเลขนี้ลงอีก 500,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสที่สามและสี่ สรุปก็คือเจพีเชื่อว่าความต้องการน้ำมันของจีนในปี 2022 จะหายไป 420,000 บาร์เรลต่อวัน 

สำหรับสถานการณ์ในยุโรป JPM ประเมินว่าความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่ในระดับสูง นับตั้งแต่เริ่มสงครามรัสเซีย-ยูเครน นักเศรษฐศาสตร์ของเจพีได้ปรับลดการเติบโตในภูมิภาคนี้ลงกว่าร้อยละ 2 และเพิ่มการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อขึ้นเกือบร้อยละ 3

ด้วยเหตุนี้ JPM จึงปรับลดคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันยูเรเซียในปี 2022 ลง 270,000 บาร์เรลต่อวัน ความต้องการเชื้อเพลิงเครื่องบินของยูเรเซียจะลดลง 130,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เครื่องบินพลเรือนของรัสเซียประมาณครึ่งหนึ่งจะต้องถูกระงับเนื่องจากไม่สามารถละเมิดน่านฟ้าและการขาดแคลนชิ้นส่วนเครื่องบิน JPM ยังปรับลดความต้องการใช้น้ำมันของยุโรปโดยเฉลี่ยในปี 2022 ลง 160,000 บาร์เรลต่อวัน เพราะความอ่อนไหวที่ราคามีต่อความเสี่ยงสงคราม และความคาดหวังการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุโรปที่ลดลง

ที่อเมริกาพบว่าข้อมูลการติดตามรถไมล์เดินทาง (VMT) ระหว่างปี 2018-19 เบี่ยงเบนไปจากแนวโน้มปี 2019 ถึงสองครั้งในปีนี้ ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเมื่อการระบาดของโอมิครอนแพร่กระจายไปทั่วรัฐ และอีกครั้งเริ่มเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์หลังจากราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น

อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ฝ่ายบริหารของโจ ไบเดนกำลังพิจารณาการปล่อยน้ำมันสำรองออกจากคลังยุทธศาสตร์ (SPR) อีกครั้ง ซึ่งรอบนี้อาจมีปริมาณมากกว่า 30 ล้านบาร์เรลเมื่อต้นเดือน รวมแล้ว สหรัฐอเมริกาและประเทศสมาชิกรายอื่นๆ ได้ปล่อยน้ำมันสำรองออกมาแล้วประมาณ 60 ล้านบาร์เรล 

นาตาชา คาเนวา หัวหน้าฝ่ายวิจัยตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ของเจพี มอร์แกนวิเคราะห์ว่า

"พวกเขา (รัฐ) มีความสามารถที่จะปล่อยน้ำมันสำรองออกมาได้มากกว่านี้ เฉพาะที่ของ IEA มีน้ำมันสำรองอยู่ประมาณ 1.5 พันล้านบาร์เรล แต่เพราะรัฐไม่เคยคิดที่จะนำมันออกมาใช้นอกจากสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น" 

อีกหนึ่งประเด็นที่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญในสัปดาห์นี้คือการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรในเดือนมีนาคมของสหรัฐอเมริกา เพราะตัวเลขนี้จะเป็นตัวบอกใบ้ได้ว่านโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดต่อจากนี้จะรุนแรงขึ้น หรือเบาลง นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าตัวเลขในวันศุกร์ที่จะเพิ่มขึ้น 475,000 ตำแหน่ง หลังจากที่ตัวเลขของเดือนกุมภาพันธ์เพิ่มขึ้น 678,000 ตำแหน่ง ค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 5.5% YoY และอัตราการว่างงานจะลดลง 3.7%

สำหรับการรายงานตัวเลขการบริโภคส่วนบุคคลที่จะมาก่อนตัวเลขการจ้างงานฯ นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขจะออกมาอยู่ที่ 5.5% ซึ่งอยู่สูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด 2% แน่นอน หลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในวันที่ 16 มีนาคม เจอโรม พาวเวลล์ได้พูดชัดว่าพร้อมขึ้นดอกเบี้ยมากกว่านี้หากจำเป็น นั่นจึงทำให้จากนี้ไป ตลาดลงทุนจะให้ความสำคัญกับ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ราคาน้ำมันดิบ WTI และดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของทุกเดือน เพราะทั้งสี่ตัวเลขนี้คือตัวบ่งชี้เงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ใช้ 

นอกจากนี้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ก็จะมี รายงานตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ตัวเลขตำแหน่งงานเปิดใหม่ การจ้างงานในภาคเอกชน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก และดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก ISM นอกจากนี้จะมีถ้อยแถลงจากบุคคลในธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้แก่ จอห์น วิลเลียม ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก แพททริก ฮาร์กเกอร์ ประธานเฟดสาขาฟิลาเดเฟีย ราฟาเอล บอสติค ประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า และโทมัส บาร์กิ้น ประธานเฟดสาขาริชมอนด์

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ความคิดเห็นล่าสุด

ขอ​ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย