ผ่านปีใหม่มาไม่กี่สัปดาห์ ก็เห็นแววแล้วว่า ปีนี้ค่าใช้จ่ายน่าจะเพิ่มขึ้นมาก
ทั้งหมูแพง ไก่แพง ไข่ก็แพง และแก๊สหุงต้มก็กำลังจะแพง
จะเหลือก็แค่มาม่า และค่าแรงที่ยังไม่ได้ขึ้นเท่านั้น
ถ้าเราดูจากตัวเลขเงินเฟ้อที่สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประกาศออกมาล่าสุดเดือนธันวาคม 2564 ที่เพิ่มขึ้น 2.17% ดูตัวเลขอาจจะเหมือนไม่เยอะ
แต่ว่าในชีวิตจริงเวลาข้าวของขยับขึ้นราคานั้นมากกว่า ไข่ดาวเพิ่มฟองละ 5 บาท ข้าวแกงเพิ่มจานละ 10-20 บาท บุฟเฟต์เพิ่มหัวละ 30-50 บาท มากกว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มร้อยละ 2 เยอะ
เรื่องหมูๆ ที่ไม่หมู เพราะจำนวนหมูลดลงจาก 20 ล้านตัวในปี 2563 เหลือ 15 ล้านตัวในปี 2564 และต้องดูว่าปีนี้จะเหลือเท่าไหร่ คาดว่าอาจะเหลือ 10-13 ล้านตัว เรียกได้ว่า supply ลดลงมาเรื่อยๆ แต่ demand เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เริ่มเปิดเมือง และกำลังจะเข้าเทศกาลตรุษจีนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
สำหรับวงจรการเลี้ยงหมูถ้านับตั้งแต่เริ่มผสมพันธุ์ ต้องรอไปอีกเกือบ 4 เดือน จึงจะคลอดลูกหมู เลี้ยงไปอีก 6-8 เดือนจนได้น้ำหนักประมาณ 100 กิโลกรัม ตามตลาดต้องการ รวมๆ แล้วก็ประมาณ 1 ปี
ถ้าเราไปเทียบกับประเทศที่เคยเกิดปัญหาโรคระบาดหมูมาก่อนหน้าอย่าง จีน ก็เจอราคาหมูแพงไป 15 เดือน เวียดนาม 12 เดือน นั่นแปลว่า ปัญหาเรื่องหมูแพงในบ้านเราอาจไม่จบง่ายๆ หรืออาจจะแพงไปเป็นปีเลยก็ได้
======================
ส่วนในแง่ของการลงทุน หุ้นบริษัทไหนได้ประโยชน์เรามองได้หลายมุม แบบนี้ครับ
-
หุ้นที่กระทบโดยตรง คือ หุ้นที่เกี่ยวกับหมู หลักๆ คือ CPF ตามมาด้วย TFG
-
หุ้นที่บอกว่าถ้าหมูแพง ไปกินไก่แทนแล้วกัน ก็คือ GFPT ที่เน้นขายไก่เป็นหลัก ตามมาด้วย TFG (ทำทั้งไก่และหมู แต่จจะมีไก่มากกว่า)
-
หุ้น plant base เช่น NRF, GLOCON แต่ราคาก็แพงกว่าหมู ไก่ อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก
-
หุ้นมาม่าที่ไม่ได้ขึ้นราคา คือ TFMAMA ก็อาจจจะพอทดแทนกันได้บางมื้อ แต่จะให้กินทุกวันก็คงไม่ไหว
-
หุ้นอาหารสัตว์ ดูน่าสนใจ เพราะไม่ว่าจะกินหมู ไก่ กุ้ง ปลา ก็ดูจะได้ประโยชน์ไปหมด เช่น TFM, TVO
ทีนี้เรามาดูข้อมูลงบการเงินเพิ่มเติมกันครับ เพื่อความสะดวก เข้าใจง่าย และข้อมูลที่ครบถ้วน เราจะใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์ Jitta กัน วันนี้จะขอยกตัวอย่างหุ้นทางตรง 3 ตัว มาเล่าให้ฟัง นั่นก็คือ CPF, TFG และ GFPT ครับ
เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (BK:CPF)
CPF เป็นหุ้นครบวงจรทั้ง Feed, Farm, Food ทำตั้งแต่อาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ แปรรูป อาหารพร้อมทาน ขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
CPF มี Jitta Score 3.92 ถือว่าไม่ค่อยสูงมากนัก มีเรื่องของสถานะทางการเงิน ที่ดี แต่เรื่องความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน หรือผลประกอบการล่าสุดอาจจะไม่สวยนัก
รายได้ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 378,455 ล้านบาท -14.7% และกำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 6,308 ล้านบาท -67.8% ตัวธุรกิจสัตว์ไม่ค่อยดีนัก และมีขาดทุนจากเงินลงทุนบริษัทร่วม (มีของ Lotus ด้วย) และ ขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าทรัพย์สินชีวภาพอีก
Market Cap 217,433 ล้านบาท
P/E 16.69 เท่า และราคา over Jitta Line 20.28%
ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (BK:TFG)
หุ้น TFG สัดส่วนรายได้มาจากไก่ 50% มาจากหมู 30% ดูเหมือนจะได้ประโยชน์ถ้าคนมากินไก่แทนหมูมากขึ้น แต่กรมการค้าภายในก็มีการขอให้ตรึงราคาไก่ไว้ที่ 33.50 บาท ต่อกิโลกรัม เป็นเวลา 6 เดือน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็อาจจะไม่ได้กำไรมากนัก
Jitta Score 4.04 ดีกว่า CPF เล็กน้อย แต่ก็ถือว่ายังไม่สูงมากนัก มีเรื่องของสถานะทางการเงิน ที่ดี แต่เรื่องผลประกอบการล่าสุด และผลตอบแทนผู้ถือหุ้นไม่ค่อยดีนัก
รายได้ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 25,272 ล้านบาท +7.2% รายได้เพิ่มจากอาหารสัตว์ แต่ลดลงจากไก่และหมู มีผลกระทบจากการปิดโรงงานชำแหละไก่ชั่วคราวที่กาญจนบุรี
กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 419 ล้านบาท -80.3% กำไรลดลงเยอะเพราะต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นมาก
Market Cap 27,768 ล้านบาท
P/E 32.7 เท่า และราคา under Jitta Line 34.24%
จีเอฟพีที จำกัด (BK:GFPT)
หุ้น GFPT ทำไก่แบบครบวงจรทั้ง Feed, Farm, Food ไม่มีหมู แต่มีสัตว์น้ำอื่นๆ อยู่บ้าง พวก กุ้ง ปลา แต่ไม่มาก ข้อดีเหมือน TFG คือ ถ้าคนเปลี่ยนมากินไก่แทนจะได้ประโยชน์ แต่ถ้าต้องตรึงราคาก็จะกระทบกำไรเช่นกัน
Jitta Score 3.47 ก็ไม่สูงเท่าไหร่ มีเรื่องของสถานะทางการเงินที่ดีที่สุด ด้านอื่นไม่ค่อยดี
รายได้ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 10,519 ล้านบาท -3.3% ธุรกิจฟาร์มไม่ดี ขายไก่เนื้อลดลง แต่ต้นทุนเพิ่มเยอะกว่าตามราคาวัตถุดิบ
กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ที่ 155 ล้านบาท -82.5% หลักๆ มาจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น และกำไรจากบริษัทลูกลดลง
Market Cap 16,675 ล้านบาท
P/E 27 เท่า และราคา over Jitta Line 97.25%
==================
ข้อควรระวังหุ้นหมูและไก่
ในช่วงเริ่มต้นที่ราคาขึ้น ดูเหมือนจะได้ประโยชน์กันหมด แต่เราต้องคำนึงถึงด้านของราคาและปริมาณควบคู่กันไป เพราะปริมาณหมูลดลดงมาก ถึงแม้ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นมาก เมื่อคูณกันแล้วจะได้มากขนาดไหน
อาหารคือ ปัจจัย 4 เป็นสินค้าขั้นพื้นฐานที่พอราคาขึ้นมากๆ จะกระทบกับคนจำนวนมาก ทำให้รัฐบาลจะต้องออกมาตรการช่วยเหลือเริ่มที่ตรึงราคาก่อนเลย แล้วค่อยไปดูว่าจะเพิ่มปริมาณหมูยังไงได้ และเพิ่มเงินให้ประชาชนได้ยังไงต่อ แปลว่า กำไรจะเริ่มกระทบกับหุ้นเหล่านี้ และราคาก็อาจจะไม่ได้บวกไปในทางเดียว
แต่เนื่องจากว่า ปัญหาเกิดจากด้าน Supply และโรคระบาดด้วย ทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่จะเติมเต็มปริมาณที่ขาดหายไปได้ แปลว่า ราคาหมู ไก่ คงจะขึ้นอยู่ซักพักใหญ่ และก็ยังมองเป็นโอกาสถ้าจะลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ได้อยู่ แม้ว่าจะมีความผันผวนระหว่างทาง
เรื่องนี้บอกอะไรเรา
ปัญหาเรื่องหมูๆ ไม่ใช่แค่อาหารแพง แต่เป็นสัญญาณบอกเราว่า เงินเฟ้อมาแล้ว และกำลังจะขึ้นต่อไปอีก และถ้าไม่รีบแก้ไขโดยเร็ววัน ก็จะเกิดปัญหาเรื่องกำลังซื้อของประชาชนส่วนมากตามมา ซึ่งก็จะวนกลับมากระทบเรื่องของหุ้นสินค้าอุปโภคบริคโภคตัวอื่นๆ หุ้นร้านค้าปลีก ค้าส่ง วนกันไปเป็นทอดๆ ได้เช่นกัน
เรื่องหมูๆ อาจไม่หมู แต่ถ้าเรามองให้ลึกและรอบด้าน ก็จะเห็นโอกาสอยู่ในนั้น
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น