รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

3 กองทุน ETF ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการทำกำไรจากการย่อตัวของตลาด

เผยแพร่ 11/08/2564 16:52
อัพเดท 02/09/2563 13:05

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ถือเป็นวันเวลาดีๆ ของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก ดัชนีหลักทั้งสามไม่ว่าจะเป็นดาวโจนส์ เอสแอนด์พี 500 แนสแด็ก 100 กองทุนและหุ้นต่างๆ ต่างพากันปรับตัวขึ้น ขานรับผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ที่ออกมาดีอย่างต่อเนื่อง 

แน่นอนว่าเมื่อทุกคนได้รับความสำราญจากการเข้าร่วมปาร์ตี้ขาขึ้น ก็ถึงเวลาที่งานเลี้ยงอาจจะต้องเลิกรา นักลงทุนหลายคนเริ่มมีความคิดอยากออกจากปาร์ตี้โดยที่ยังมีกำไรติดไม้ติดมือออกจากงานไปด้วย ดังนั้นในวันนี้เราจึงมาแนะนำกองทุน ETF 3 กองทุนที่จะสามารถทำกำไรให้กับนักลงทุนในกรณีที่ต้องการการออกจากตลาดเพื่อทำกำไรในระยะสั้น เพราะหากมองอีกด้านหนึ่ง ขาลงที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นถือเป็นจุดเข้าที่ดีสำหรับขาขึ้นรอบต่อไป

1. Vanguard Communication Services Index Fund ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $144.57
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $97.78 - $147.88
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.62%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.1% ต่อปี

กองทุน ETF ที่มีชื่อว่า Vanguard Communication Services Index Fund (NYSE:VOX) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้ให้บริการด้านการสื่อสาร กองทุนนี้เปิดให้เริ่มต้นลงทุนในเดือนกันยายนปี 2004 มีมูลค่าหลักทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $4,300 ล้านเหรียญสหรัฐVOX Weekly

VOX อ้างอิงราคาจากดัชนี MSCI US IMI Comm Services 25/50 Index ถือครองหุ้นอยู่แล้วทั้งสิ้น 116 ตัว แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ทั้งหมดสามกลุ่มได้แก่กลุ่มสื่อที่ผู้ใช้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบได้ 48.4% กลุ่มผู้ให้บริการด้านความบันเทิง 14.9% และกลุ่มบริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับเคเบิลและการสื่อสารผ่านดาวเทียม 11% ตามลำดับ

ในปัจจุบันบริษัทชื่อดังที่ VOX ถือครองได้แก่กูเกิล (NASDAQ:GOOGL) (NASDAQ:GOOG) เฟซบุ๊ก (NASDAQ:FB) ดิสนีย์ (NYSE:DIS) เน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) และคอมแคส (NASDAQ:CMCSA)

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาของกองทุน VOX ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 41% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 28.2x และ 4.1x ตามลำดับ 

จากข้อมูลของหุ้นสิบอันดับแรกที่กองทุนนี้ถือครอง จะเห็นได้ว่าล้วนแล้วแต่เป็นหุ้นชื่อดังที่มีอัตราการเติบโตสูง และเป็นหุ้นที่สามารถทำกำไรได้ดีในช่วงล็อกดาวน์ ในระยะสั้นเราเชื่อว่าหุ้นเหล่านี้อาจมีการปรับตัวลดลง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ฟื้นตัวกลับมาทำให้นักลงทุนหันไปสนใจหุ้นกลุ่มอื่นมากขึ้น

2. Invesco S&P 500 Equal Weight Real Estate ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $37.71
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $24.49 - $38.47
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 2.46%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.41% ต่อปี

นอกจากหุ้นเทคโนโลยีที่เติบโตอย่างโดดเด่น อันที่จริงก็ยังมีหุ้นในกลุ่มอื่นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มของอสังหาริมทรัพย์ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงขอแนะนำกองทุน Invesco S&P 500® Equal Weight Real Estate ETF (NYSE:EWRE) ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะ กองทุนนี้เปิดให้ลงทุนตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2015 มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $81.2 ล้านเหรียญสหรัฐEWRE Weekly

EWRE อ้างอิงราคาจากดัชนี S&P 500 Equal Weight Real Estate Index ถือครองหุ้นอยู่แล้วทั้งสิ้น 30 ตัว เน้นหุ้นของบริษัทที่มีการปรับบาลานซ์ของพอร์ตในทุกๆ ไตรมาส EWRE เลือกหุ้นโดยพิจารณาจากบริษัทที่มีมูลค่าตลาดอยู่ในระดับกลางไปหาใหญ่ 

หุ้นสิบอันดับแรกที่กองทุนถือครองคิดเป็นสัดส่วน 36% บริษัทชื่อดังที่ EWRE ถือครองได้แก่ Extra Space Storage (NYSE:EXR), CBRE Group (NYSE:CBRE), United Dominion Realty Trust (NYSE:UDR), SBA Communications (NASDAQ:SBAC), Alexandria Real Estate Equities (NYSE:ARE) และ AvalonBay Communities (NYSE:AVB)

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาของกองทุน EWRE ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 41% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม มีเปอร์เซ็นต์การปันผลอยู่ที่ 2.5% หากเทียบกับกองทุนรวมตัวอื่นๆ ในแง่ของการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีกองทุนไหนที่มีหุ้นของบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากเท่ากับกองทุนนี้ หากสนใจที่จะถือครองกองทุนนี้ ควรรอให้ราคาปรับตัวลดลงมายัง $35-$36.5 ก่อนจึงจะเป็นจังหวะปลอดภัยในการเข้าซื้อ

3. iShares U.S Financial Services ETF

- ระดับราคาปัจจุบัน: $192.70
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $116.07 - $192.08
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.43%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.41% ต่อปี

กองทุนรวมสุดท้ายที่เราอยากจะแนะนำคือ iShares U.S. Financial Services ETF (NYSE:IYG) จากชื่อกองทุน เราเชื่อว่าผู้อ่านคงจะสามารถเดาได้ว่ากองทุนนี้คือกองทุนรวมหุ้นของบริษัทที่อยู่ในกลุ่มการเงินเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเพื่อการลงทุน กองทุนบริหารสินทรัพย์ บริษัทผู้ให้บริการเครดิตการ์ด ฯลฯ กองทุนนี้เปิดให้ลงทุนตั้งแต่เดือนมิถุนายนปี 2000 มีสินทรัพย์รวมแล้วทั้งสิ้น $2,100 ล้านเหรียญสหรัฐIYG Weekly

IYG อ้างอิงราคาจากดัชนี Dow Jones U.S. Financial Services Index ถือครองหุ้นอยู่แล้วทั้งสิ้น 105 ตัว แบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ทั้งหมดสามกลุ่มได้แก่กลุ่มธนาคาร 41.10% กลุ่มผู้ให้บริการด้านการเงินเพื่อกระจายความเสี่ยง 40.67% และกลุ่มซอฟต์แวร์และบริการ 17.63% 

ในปัจจุบันสถาบันทางการเงินชื่อดังที่ IYG ถือครองหุ้นได้แก่เจพีมอร์แกน (NYSE:JPM) วีซ่า (NYSE:V) มาสเตอร์การ์ด (NYSE:MA) เวลล์ ฟาร์โก (NYSE:WFC) และแบล็คร็อค (NYSE:BLK)

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาของกองทุน IYG ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 52% พึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อไม่นานมานี้ หุ้นกลุ่มธนาคารในไตรมาสที่ 2 หลายตัวสามารถรายงานผลประกอบการได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้ผู้คนกลับมามีงานทำ มีการฝากเงินมากขึ้น ปัจจุบัน IYG มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 24.89x และ 2.21x ตามลำดับ นักลงทุนที่สนใจ ถ้าจะให้ดีควรรอซื้อที่ราคา $180 - $185 จึงจะปลอดภัยที่สุด

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย