ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับนักลงทุนท่านใดก็ตามที่ได้ถือหุ้นของบริษัทอัลฟาเบต (NASDAQ:GOOGL) (NASDAQ:GOOG) เอาไว้ในปีนี้ การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจทำให้กูเกิลสามารถกลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง ตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงปัจจุบัน (YTD) ตอนนี้หุ้นของบริษัทอัลฟาเบตได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 56% มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $2,720 ในขณะที่กำลังเขียนบทความอยู่ สำหรับคนที่ไม่ทราบ บริษัทอัลฟาเบตคือบริษัทแม่ของเสิร์ชเอ็นจิ้นที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วอย่างกูเกิล และยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มวิดีโอชื่อดังอย่างยูทูป (YouTube) อีกด้วย
บริษัทอัลฟาเบตก่อตั้งขึ้นในเดือนกันยายนปี 1998 เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในเดือนสิงหาคมปี 2004 ในตอนแรกหุ้นของบริษัทอัลฟาเบตมีราคาซื้อขายเพียง $85 เท่านั้น ก่อนที่ในปี 2004 หุ้นของบริษัทอัลฟาเบตได้ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเพื่อให้สิทธิ์การควบคุมยังตกเป็นของผู้ก่อตั้งบริษัทได้แก่
- หุ้นอัลฟาเบตกลุ่มเอ (GOOGL) คือหุ้นของกลุ่มที่มีสิทธิ์ออกเสียงได้ 1 สิทธิ์ต่อหนึ่งหุ้น
- หุ้นอัลฟาเบตกลุ่มซี (GOOG) คือกลุ่มของผู้ถือหุ้นที่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง
จากผลสำรวจของนักวิเคราะห์ใน Investing.com 45 คนลงความเห็นว่าหุ้นกูเกิลยังมีโอกาสเติบโตได้อย่างมหาศาลในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ หากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทเป็นอย่างมาก เพราะลำพังมูลค่าตลาด (market cap) ของบริษัทอัลฟาเบตเพียงแห่งเดียวก็มีมูลค่าสูงถึง $1,860 ล้านเหรียญสหรัฐ
ที่มา: Investing.com
ข้อมูลในผลสำรวจยังสอบถามไปถึงเป้าหมายความน่าจะเป็นของราคาหุ้นกูเกิลในอนาคต ผลก็คือนักวิเคราะห์ Investing.com ประเมินว่าภายในระยะเวลา 12 เดือน หุ้นกูเกิลจะสามารถวิ่งขึ้นไปถึง $3,064.3 ทำกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้อีก 13% จากระดับราคาในปัจจุบัน
แม้ว่าอนาคตของบริษัทอัลฟาเบตจะสดใสมากเพียงใด แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่พึ่งเข้ามาในตลาดลงทุน พวกเขาอาจรู้สึกว่าหุ้นกูเกิลยังมีราคาที่แพงเกินไป ดังนั้นในบทความนี้เราจึงได้มาแนะนำกองทุน ETF ที่ถือหุ้นของกูเกิลโดยตรงไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเอหรือกลุ่มซี ไม่ว่าราคาจะวิ่งไปทางไหน รับรองได้ว่าคุณจะไม่พลาดได้ถือหุ้นของกูเกิลแน่นอน
1. Invesco Dynamic Media ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $52.99
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $34.53 - $58.80
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.29%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.63% ต่อปี
กองทุน ETF ที่มีชื่อว่า Invesco Dynamic Media (NYSE:PBS) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทสื่อ 30 แห่งของประเทศสหรัฐอเมริกา กองทุนนี้เริ่มต้นเทรดในเดือนมิถุนายนปี 2005 ใช้มาตรวัดมากมายในการคัดสรรหุ้นไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มราคา ความแข็งแกร่งของการสร้างผลกำไร รูปแบบการจัดการและการประเมินความสามารถของหุ้นของบริษัทแต่ละแห่ง
PBS อ้างอิงราคาจากดัชนี Dynamic Media Intellidex℠ Index ซึ่งกองทุนทั้งสองมีมาตรฐานที่เหมือนกันคือจะมีการปรับบาลานซ์และโครงสร้างของกองทุนในทุกๆ ไตรมาส เมื่อพิจารณาแยกย่อยออกมาเป็นกลุ่มๆ จะพบว่ากองทุนนี้มีหุ้นอยู่หลักๆ สามกลุ่มด้วยกัน ได้แก่หุ้นกลุ่มผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคม 34.17% ตามมาด้วยกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อการสื่อสาร 3.3% และเฮลท์แคร์ 2.42%
หุ้นสิบอันดับแรกที่กองทุนถือครองคิดเป็นสัดส่วน 48% ของสินทรัพย์ทั้งหมดซึ่งมีอยู่ประมาณ $120.2 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทชื่อดังที่ PBS ถือครองได้แก่ทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) กูเกิล ซึ่งทั้งสองคิดเป็นสัดส่วน 5.71% และ 5.55% ตามลำดับ นอกจากนี้ก็จะมีหุ้นเฟสบุ๊ก (NASDAQ:FB) เน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) ดิสนีย์ (NYSE:DIS) และสปอตติฟาย (NYSE:SPOT) เป็นต้น
ในช่วงที่สหรัฐอเมริกาเข้าสู่การล็อกดาวน์อย่างจริงจัง มีเพียงบริษัทสื่อและเทคโนโลยีออนไลน์เหล่านี้ที่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตมาได้ ที่สำคัญกำไรและงบประมาณของพวกเขายังสามารถเติบโตท่ามกลางช่วงเวลาที่โหดร้ายนั้นได้อีกด้วย
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาของกองทุน PBS ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 15% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในช่วงกลางเดือนมีนาคม แต่หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงพักฐานมาโดยตลอดเพราะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีชะลอการเติบโต มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 24.70 และ 4.07 ตามลำดับ หากสนใจที่จะถือครองกองทุนนี้ ควรรอให้ราคาปรับตัวลดลงมายัง $50 ก่อนจึงจะเป็นจังหวะปลอดภัยในการเข้าซื้อ
2. ERShares Entrepreneur ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $26.22
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $21.50 - $32.61
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 0.67%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.49% ต่อปี
กองทุน ETF ที่มีชื่อว่า ERShares Entrepreneur (NYSE:ENTR) เป็นกองทุนที่ลงทุนในบริษัทสหรัฐฯ ที่ทำเกี่ยวกับการจัดการกองทุนหรือการตัดสินใจที่ต้องใช้ความเด็ดขาดและการประเมินสูง ENTR สนใจลงทุนกับบริษัทหรือหุ้นที่มีโมเมนตัมของราคาที่ดี มีการจัดแบ่งหมวดหมู่ชัดเจน มีการเติบโต เน้นเก็บสะสมมูลค่า และมีมูลค่าตลาดสูงพอจนเป็นที่ไว้ใจได้
บริษัทส่วนใหญ่ที่กองทุนตัวนี้เลือกลงทุน มักจะได้เปิด IPO ได้ภายในปีถัดมา ในเดือนพฤศจิกายนปี 2017 กองทุนตัวนี้ได้เปิดให้ลงทุนเป็นครั้งแรก แต่ตอนนั้นพวกเขาใช้ชื่อว่า “ERShares Entrepreneur 30 ETF” ก่อนที่จะมาเปลี่ยนชื่อเป็น ERShares Entrepreneur ETF ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021
สัดส่วนการถือครองหุ้นส่วนใหญ่ของ ENTR จะเน้นไปที่กลุ่ม IT ซึ่งมีมากถึง 36% ตามมาด้วยกลุ่มเฮลท์แคร์ 23.1% กลุ่มผู้ให้บริการเพื่อการสื่อสาร 17.4% และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย 12.2% หุ้นสิบอันดับแรกที่กองทุนถือครองคิดเป็นสัดส่วน 20% ของสินทรัพย์ทั้งหมดซึ่งมีอยู่ประมาณ $138.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทชื่อดังที่ ENTR ถือครองได้แก่กูเกิล EPAM Systems (NYSE:EPAM) Bill Com Holdings (NYSE:BILL) Cloudflare (NYSE:NET) Datadog (NASDAQ:DDOG) DraftKings (NASDAQ:DKNG) และ Etsy (NASDAQ:ETSY)
ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาของกองทุน ENTR ปรับตัวลดลง 1% ถึงกระนั้นก็สามารถทำกำไรให้กับผู้ถือครองได้ 12% ภายในระยะเวลาสิบสองเดือนล่าสุด สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธุ์ ปัจจุบันราคาของกองทุนนี้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 23% นักลงทุนที่สนใจสามารถมองโอกาสพักฐานในตอนนี้เป็นโอกาสเพื่อเข้าถือครองได้ ถ้าจะให้ดีควรรอซื้อที่ราคา $25