ในขณะที่ทุกคนกำลังให้คนสนใจอยู่ว่าทองคำในปีนี้จะขึ้นไปได้เท่าไหร่ และในขณะที่ทุกคนกำลังสนใจอยู่ว่าทองคำแห่งโลกดิจิทัลอย่างบิทคอยน์จะกลับขึ้นไปยัง $60,000 ได้หรือไม่ ผมมีอีกหนึ่งทองที่ทุกคนไม่ค่อยพูดถึงกับเท่าไหร่ แต่ทองนี้กลับวิ่งขึ้นได้อย่างน่าสนใจมาตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบัน ใช่แล้ว ทองที่ผมกำลังจะพูดถึงตอนนี้ก็คือ ‘ทองแดง’ นี่คือสินค้าโภคถัณฑ์ที่ผมมองว่าอาจติดท๊อป 3 ของสินทรัพย์ในตลาดโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้นมาแรงที่สุดในปีนี้
ตลอดทั้งเดือนเมษายน ราคาทองแดงสปอตบนตลาด COMEX และราคาซื้อขาย ทองแดงล่วงหน้าสามเดือนบนตลาด LME ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 11% และหากวัดจากราคาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จะพบว่าราคาทองแดงทั้งสองตลาดปรับตัวขึ้นมาแล้ว 15% ยิ่งถ้าวัดผลงานของทั้งคู่มาตั้งแต่ต้นปี 2021 จนถึงปัจจุบันจะพบว่าราคาทองแดงได้วิ่งขึ้นมาแล้วมากกว่า 25%
ขาขึ้นของราคาทองแดงในปัจจุบันเป็นรองแค่เพียงราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปรับตัวขึ้นมา 44% ในขณะที่ WTI ปรับตัวขึ้นมา 29% และเบรนท์ 26% เราจะไม่ขอเปรียบเทียบกับราคาข้าวโพดหรือถั่วเหลืองที่วิ่งขึ้นมา 30% เนื่องจากปัญหาด้านสภาพอากาศเพราะนั่นจะไม่แฟร์กับราคาทองแดง
เบื้องหลังการเติบโตของราคาทองแดงย่อมหนีไม่พ้นมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ และจีน
ปัจจุบันทองแดงเป็นที่ต้องการอย่างมากจากสองมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและจีนที่กำลังแย่งชิงความเป็นหนึ่งทางด้านเศรษฐกิจของโลก สิ่งที่ทั้งสองมหาอำนาจกำลังแข่งกันอย่างดุเดือดและเป็นธีมการลงทุนมาตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบันคือใครจะสร้างประเทศที่เต็มไปด้วยพลังงานสะอาดได้ก่อนกัน หนึ่งในเรื่องที่สองประเทศแข่งกันมากที่สุดก็คือการสร้างรถไฟฟ้า
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ ประกาศออกมาแล้วว่าเขาจะสร้างอเมริกาที่ไร้มลพิษให้ได้ภายในปี 2030 โจ ไบเดนผลักดันเรื่องนี้เป็นอย่างมากและพยายามกระตุ้นให้ประชาชนเปลี่ยนรถยนต์ส่วนตัวไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เขามีแผนที่จะติดตั้งสถานีชาร์จพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 500,000 แห่งทั่วทั้งประเทศและเปลี่ยนรถโรงเรียนจำนวน 500,000 คันให้กลายเป็นรถโรงเรียนไร้มลพิษ
เมื่อพูดถึงไฟฟ้า ส่วนประกอบที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดีที่สุดก็คือทองแดง นักวิเคราะห์จากเจฟฟรี่ประเมินว่าหนึ่งสเตชันที่ชาร์จไฟฟ้าและรถบัสไฟฟ้าจะต้องใช้ทองแดงประมาณ 200,000 ตัน และถ้าสหรัฐฯ จะลงทุนมหาศาลขนาดนั้น แล้วราคาทองแดงจะไม่ปรับตัวขึ้นได้อย่างไรเมื่อความต้องการทองแดงมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี
Goldman Sachs ประเมินราคาทองแดงอาจขึ้นแตะ $15,000 ได้ภายในปี 2025
เมื่อเทรนด์ความต้องการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเริ่มต้นขึ้นแล้วในสามภูมิภาคหลัก สหรัฐฯ ยุโรปและจีนจึงทำให้ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังโกลด์แมน แซคส์ประเมินเมื่อสองสัปดาห์ก่อนว่าราคาทองแดงที่ตอนนี้อยู่ที่ $9,000 ต่อตันอาจสามารถขึ้นแตะ $15,000 ต่อตันได้ภายในปี 2025
“ทองแดงจะกลายเป็นทรัพยากรที่มีความต้องการสูงใหม่แทนที่น้ำมันในปัจจุบัน และเพราะตอนนี้ความต้องการทองแดงมีมากกว่าทรัพยากรที่มี นั่นจึงทำให้ราคาทองแดงมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้มากกว่า 60% ภายในระยะเวลาสี่ปี” - โกลด์แมน แซคส์ กล่าว
“ก่อนสิ้นทศวรรษนี้” โกลด์แมน แซคส์กล่าวต่อ “ความต้องการแร่ทองแดงจะมีมากยิ่งกว่าที่เห็นในปัจจุบัน ไปทางไหนคุณก็จะได้ยินคนพูดถึงทองแดง ราคาของแร่ตัวนี้จะปรับตัวขึ้นจาก 2021 ไปจนถึง 2030 อยู่ที่ราวๆ 900% ปริมาณทองแดนจะสามารถขึ้นแตะ 8.7 ล้านตันได้ เมื่อประเทศทั่วโลกส่วนใหญ่หันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากันหมด ต่อให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ส่งผลให้ความต้องการทองแดงชะลอตัว อย่างน้อยเราก็จะได้เห็นราคาทองแดงปรับตัวขึ้นเกือบ 600% คิดเป็น 5.4 ล้านตัน”
ไม่เพียงเท่านั้น โกลด์แมน แซคส์ยังได้นำข้อมูลที่ธนาคารประเมินราคาทองแดงในแต่ละปีเอามาแชร์ให้กับสาธารณะชน
“นี่คือตัวเลขคาดการณ์ราคาทองแดงเฉลี่ยในแต่ละปีไปจนถึงปี 2025 ในปี 2021 ราคาเฉลี่ยของทองแดงจะอยู่ที่ $9,675-$11,000 ต่อตัน ปี 2022 ทองแดงจะมีราคาอยู่ที่ $11,875 ตัน ปี 2023 มีราคา $12,000 ต่อตัน 2024 = $14,000 ต่อตัน และ 2025 = $15,000 ต่อตัน”
สิ่งที่โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์นั้นถือว่าเป็นภาพราคาทองแดงในระยะยาว แต่สำหรับตอนนี้นอกจากความต้องการทองแดงที่เพิ่มขึ้นเพราะเทรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ราคาทองแดงยังปรับตัวขึ้นเพราะเหตุการณ์ประท้วงที่เหมืองทองแดงในประเทศชิลีเมื่อประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเญร่าไม่อนุญาตให้แรงงานในเหมืองถอนเงินออกจากกองทุนบำนาญก่อนกำหนด
บริษัทหลักทรัพย์ ทีดี (TDS) วิเคราะห์สถานการณ์ที่ชิลีว่า
“ราคาทองแดงปรับตัวขึ้นจากความเสี่ยงในการประท้วงของคนงานเหมืองทองแดงทันที พวกเขาพยายามจะปิดกันเรือที่จะส่งออกแร่ทองแดงออกจากประเทศ ในขณะเดียวกันเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นภายในชิลีก็ทำให้นักลงทุนในประเทศหันมาถือครองทองแดงมากขึ้นเพื่อคานความเสี่ยง”
นาย Bart Melek หัวหน้านักวิเคราะห์ของ TDS แสดงความเห็นเพิ่มเติมจากทีมวิเคราะห์ว่า
“จากการดูราคาขนส่งทองแดงทั่วโลกพบว่านอกจากเหตุการณ์ที่ชิลีแล้ว การขนส่งทองแดงจากแหล่งอื่นไม่ได้มีปัญหาอะไรมากนัก แต่เพราะชิลีเป็นประเทศที่มีแร่ทองแดงมากที่สุดในโลก ดังนั้นเมื่อเกิดอะไรขึ้นที่ชิลีก็ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาทองแดงทั่้วโลกให้ปรับตัวสูงขึ้น”
นาย Sunil Kumar Dixit นักวิเคราะห์ทางเทคนิคจาก S.K. Dixit Charting ประเทศอินเดียวิเคราะห์ว่าอีกไม่นานราคาทองแดงมีโอกาสที่จะสร้างจุดสูงสุดใหม่
“การขึ้นยืนเหนือระดับราคา $4.10 และ $4.38 จะส่งให้ราคาทองแดงบน COMEX สามารถขึ้นไปยัง $4.50 และเรามองว่าราคาทองแดงมีโอกาสขึ้นถึง $4.65 ได้ในขาขึ้นครั้งถัดไป”
อย่างไรก็ตาม เมื่อนำอินดิเคเตอร์อย่าง RSI เข้ามาพิจารณาร่วมด้วยแล้ว จะพบว่าราคาทองแดงตอนนี้อยู่ที่โซน 91.90 และ 96.75 หรือที่เรียกว่า overbought ในทางเทคนิคแล้ว นี่คือสัญญาณบอกว่ามีการซื้อมากเกินไปและราคาอาจย่อตัวลงมาหรือเปลี่ยนเทรนด์ในอนาคตอันใกล้
“เมื่อวานนี้ราคาซื้อขายทองแดงสปอตได้ปรับตัวลดลงมา 1.3% หรือ 6 เซนต์ มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $4.42 ต่อ Ib ดังนั้นผมจึงขอวางแนวรับระยะสั้นเอาไว้ที่ $4.38, $4.30 และ $4.10 เพราะนี่คือขาลงที่เกิด ณ จุดสูงสุด ราคาทองแดงจึงจะใช้เวลาอยู่กับขาลงอีกสองสามวัน ก่อนที่จะกลับไปอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นดังเดิม”