แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่แล้วจะปิดตลาดลงด้วยความผันผวน แต่สุดท้าย ดัชนีทุกตัวก็ยังสามารถยืนอยู่ในขาขึ้นได้เมื่อเทียบผลงานตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีแนสแด็กที่ใช้วัดผลประกอบการภาพรวมของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 4.2% สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกหนึ่งสัปดาห์ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดาวโจนส์ก็สามารถปรับตัวขึ้นได้ 1.9% และ 0.6% ตามลำดับ ในสัปดาห์นี้ความสนใจของนักลงทุนได้เปลี่ยนมาอยู่ที่การรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ
เชื่อได้ว่าสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมที่วุ่นวายพอตัว เพราะนอกจากการรายงานตัวเลขผลประกอบการของบริษัทชื่อดังแล้ว นักลงทุนยังต้องให้ความสนใจกับรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งจะออกมาตั้งแต่วันนี้และการประชุมเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ แต่สิ่งที่บทความนี้จะให้ความสำคัญคือเราจะมีดูกันว่าในสัปดาห์นี้มีหุ้นตัวไหนที่น่าถือและหุ้นตัวไหนที่น่าทิ้ง ขอย้ำอีกครั้งว่า “เฉพาะสัปดาห์นี้เท่านั้น”
หุ้นน่าซื้อ: Microsoft
อย่างที่ได้บอกไปว่าสัปดาห์นี้จะเป็นการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบริษัทไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ด้วย กำหนดการรายงานผลประกอบการของไมโครซอฟต์จะอยู่ในวันอังคารที่ 26 มกราคมหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2017 เป็นต้นมา ไมโครซอฟต์ไม่เคยรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เลย ทำให้ตอนนี้บริษัทได้สร้างสถิติการรายงานผลประกอบการที่สามารถเอาชนะหรือได้เท่ากับตัวเลขคาดการณ์มาแล้ว 14 ไตรมาสติดต่อกัน
นักวิเคราะห์ประเมินว่าครั้งนี้ไมโครซอฟต์จะสามารถรายงานตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) ออกมาอยู่ที่ $1.64 ปรับตัวขึ้นเกือบ 9% จากตัวเลข EPS ของปีที่แล้วที่ $1.51 ส่วนตัวเลขกำไรนั้นคาดว่าจะเติบโต 9% แบบปีต่อปีโดยจะมีตัวเลขผลกำไรอยู่ที่ $40,200 ล้านเหรียญสหรัฐจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำงานบนคลาวด์ของไมโครซอฟต์มากขึ้น นอกจากตัวเลขผลประกอบการแล้ว สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจคือการเติบโตของผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟต์อย่างเช่น Azure, GitHub, SQL Server, Windows Server, Office 365, Microsoft Team และบริการอื่นๆ
ล่าสุดหุ้นไมโครซอฟต์มีราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $225.95 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $232.86 เล็กน้อย ในช่วงสิบสองเดือนล่าสุด หุ้นไมโครซอฟต์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 35.5% เอาชนะขาขึ้น 15.5% ของดัชนีเอสแอนด์ 500 ภายในช่วงเวลาเดียวกันได้อย่างง่ายดาย มูลค่าตลาดของบริษัทไมโครซอฟต์ล่าสุดมีตัวเลขอยู่ที่ $1,710,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรองแต่เพียงบริษัทที่มีมูลค่าตลาดอันดับหนึ่งของโลกอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL)
จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคพบว่าหุ้นไมโครซอฟต์พร้อมที่จะปรับตัวขึ้นออกจากกรอบการปรับฐานในปัจจุบันแล้ว การที่ราคาสามารถดีดกลับขึ้นจากแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันและ 100 วันได้ทุกครั้งนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับแนวโน้มขาขึ้น
หุ้นน่าขาย: American Airlines
เป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการในกลุ่มการท่องเที่ยวและสายการบินมากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่หุ้นของสายการบินชื่อดังอย่างอเมริกัน แอร์ไลน์ (NASDAQ:AAL) จะติดโผในครั้งนี้ สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคมนี้ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด จากการรายงานผลประกอบการแบบปีต่อปีเป็นลบมาตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว ทำให้นักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าครั้งนี้กำไรที่ได้ก็น่าจะลดลงไม่ต่างกัน
นักวิเคราะห์ประเมินว่าหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์จะมีตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นในไตรมาสที่สี่ออกมาลดลง $4.11 เทียบกับตัวเลข $1.15 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนตัวเลขผลกำไรคาดว่าจะลดลง 65% จากตัวเลข $3,890 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2020 ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้ที่สร้างความเสียหายก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินต้องหยุดชะงัก
นอกจาการรายงานตัวเลขผลกำไรและ EPS แล้ว นักลงทุนต้องการทราบว่าจำนวนเงินที่บริเวณนำไปทิ้งเปล่าในแต่ละวันมีตัวเลขอยู่ที่เท่าไหร่ ล่าสุดในไตรมาสที่สามพบว่าบริษัทต้องเสียเงินในส่วนนี้ไปมากถึง $44 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญ นักลงทุนต้องการดูการประเมินทิศทางและความเป็นไปได้ในการฟื้นตัวของสายการบินในปีนี้ด้วย
หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $15.82 ปรับตัวลดลงไปสร้างจุดต่ำสุดตลอดกาลที่ $8.26 ในวันที่ 14 พฤษภาคม ในช่วงสิบสองเดือนล่าสุด หุ้นบริษัทมีมูลค่าลดลงมากกว่า 45% ทำให้ตอนนี้สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอันดับที่สี่ตามหลังสายการบินใหญ่ๆ ของอเมริกาอย่างเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ (NYSE:LUV) เดลต้า แอร์ไลน์ (NYSE:DAL) และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (NASDAQ:UAL)