💼 ปกป้องพอร์ตของคุณด้วยฟีเจอร์การคัดเลือกหุ้นโดย AI จาก InvestingPro - ตอนนี้ลดสูงสุดถึง 50% รับส่วนลด

1 หุ้นน่าถือ 1 หุ้นน่าทิ้งประจำสัปดาห์: Microsoft, American Airlines

โดยInvesting.com
ผู้เขียนJesse Cohen
เผยแพร่ 25/01/2564 15:02
US500
-
DJI
-
MSFT
-
AAPL
-
LUV
-
DAL
-
UAL
-
IXIC
-
AAL
-

แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันศุกร์ที่แล้วจะปิดตลาดลงด้วยความผันผวน แต่สุดท้าย ดัชนีทุกตัวก็ยังสามารถยืนอยู่ในขาขึ้นได้เมื่อเทียบผลงานตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีแนสแด็กที่ใช้วัดผลประกอบการภาพรวมของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 4.2% สร้างจุดสูงสุดใหม่ได้อีกหนึ่งสัปดาห์ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดาวโจนส์ก็สามารถปรับตัวขึ้นได้ 1.9% และ 0.6% ตามลำดับ ในสัปดาห์นี้ความสนใจของนักลงทุนได้เปลี่ยนมาอยู่ที่การรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนสหรัฐฯ 

SPX:Dow:NASDAQ Daily

เชื่อได้ว่าสัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมกราคมที่วุ่นวายพอตัว เพราะนอกจากการรายงานตัวเลขผลประกอบการของบริษัทชื่อดังแล้ว นักลงทุนยังต้องให้ความสนใจกับรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ซึ่งจะออกมาตั้งแต่วันนี้และการประชุมเกี่ยวกับนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญ แต่สิ่งที่บทความนี้จะให้ความสำคัญคือเราจะมีดูกันว่าในสัปดาห์นี้มีหุ้นตัวไหนที่น่าถือและหุ้นตัวไหนที่น่าทิ้ง ขอย้ำอีกครั้งว่า “เฉพาะสัปดาห์นี้เท่านั้น”

หุ้นน่าซื้อ: Microsoft

อย่างที่ได้บอกไปว่าสัปดาห์นี้จะเป็นการรายงานผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือบริษัทไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) ด้วย กำหนดการรายงานผลประกอบการของไมโครซอฟต์จะอยู่ในวันอังคารที่ 26 มกราคมหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ นับตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ปี 2017 เป็นต้นมา ไมโครซอฟต์ไม่เคยรายงานผลประกอบการที่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์เลย ทำให้ตอนนี้บริษัทได้สร้างสถิติการรายงานผลประกอบการที่สามารถเอาชนะหรือได้เท่ากับตัวเลขคาดการณ์มาแล้ว 14 ไตรมาสติดต่อกัน

นักวิเคราะห์ประเมินว่าครั้งนี้ไมโครซอฟต์จะสามารถรายงานตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น (EPS) ออกมาอยู่ที่ $1.64 ปรับตัวขึ้นเกือบ 9% จากตัวเลข EPS ของปีที่แล้วที่ $1.51 ส่วนตัวเลขกำไรนั้นคาดว่าจะเติบโต 9% แบบปีต่อปีโดยจะมีตัวเลขผลกำไรอยู่ที่ $40,200 ล้านเหรียญสหรัฐจากความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำงานบนคลาวด์ของไมโครซอฟต์มากขึ้น นอกจากตัวเลขผลประกอบการแล้ว สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจคือการเติบโตของผลิตภัณฑ์จากไมโครซอฟต์อย่างเช่น Azure, GitHub, SQL Server, Windows Server, Office 365, Microsoft Team และบริการอื่นๆMSFT Daily

ล่าสุดหุ้นไมโครซอฟต์มีราคาปิดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $225.95 ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $232.86 เล็กน้อย ในช่วงสิบสองเดือนล่าสุด หุ้นไมโครซอฟต์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 35.5% เอาชนะขาขึ้น 15.5% ของดัชนีเอสแอนด์ 500 ภายในช่วงเวลาเดียวกันได้อย่างง่ายดาย มูลค่าตลาดของบริษัทไมโครซอฟต์ล่าสุดมีตัวเลขอยู่ที่ $1,710,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นรองแต่เพียงบริษัทที่มีมูลค่าตลาดอันดับหนึ่งของโลกอย่างแอปเปิล (NASDAQ:AAPL)

จากการวิเคราะห์ทางเทคนิคพบว่าหุ้นไมโครซอฟต์พร้อมที่จะปรับตัวขึ้นออกจากกรอบการปรับฐานในปัจจุบันแล้ว การที่ราคาสามารถดีดกลับขึ้นจากแนวรับเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันและ 100 วันได้ทุกครั้งนับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับแนวโน้มขาขึ้น

หุ้นน่าขาย: American Airlines

เป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นั้นสร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการในกลุ่มการท่องเที่ยวและสายการบินมากที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่หุ้นของสายการบินชื่อดังอย่างอเมริกัน แอร์ไลน์ (NASDAQ:AAL) จะติดโผในครั้งนี้ สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์จะรายงานผลประกอบการในวันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคมนี้ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด จากการรายงานผลประกอบการแบบปีต่อปีเป็นลบมาตั้งแต่ไตรมาสที่แล้ว ทำให้นักลงทุนบางส่วนเชื่อว่าครั้งนี้กำไรที่ได้ก็น่าจะลดลงไม่ต่างกัน

นักวิเคราะห์ประเมินว่าหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์จะมีตัวเลขอัตราส่วนกำไรต่อหุ้นในไตรมาสที่สี่ออกมาลดลง $4.11 เทียบกับตัวเลข $1.15 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนตัวเลขผลกำไรคาดว่าจะลดลง 65% จากตัวเลข $3,890 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปี 2020 ในช่วงเวลาเดียวกัน ผู้ที่สร้างความเสียหายก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจการบินต้องหยุดชะงัก

นอกจาการรายงานตัวเลขผลกำไรและ EPS แล้ว นักลงทุนต้องการทราบว่าจำนวนเงินที่บริเวณนำไปทิ้งเปล่าในแต่ละวันมีตัวเลขอยู่ที่เท่าไหร่ ล่าสุดในไตรมาสที่สามพบว่าบริษัทต้องเสียเงินในส่วนนี้ไปมากถึง $44 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่สำคัญ นักลงทุนต้องการดูการประเมินทิศทางและความเป็นไปได้ในการฟื้นตัวของสายการบินในปีนี้ด้วย

AAL Daily

หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $15.82 ปรับตัวลดลงไปสร้างจุดต่ำสุดตลอดกาลที่ $8.26 ในวันที่ 14 พฤษภาคม ในช่วงสิบสองเดือนล่าสุด หุ้นบริษัทมีมูลค่าลดลงมากกว่า 45% ทำให้ตอนนี้สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นอันดับที่สี่ตามหลังสายการบินใหญ่ๆ ของอเมริกาอย่างเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ (NYSE:LUV) เดลต้า แอร์ไลน์ (NYSE:DAL) และยูไนเต็ด แอร์ไลน์ (NASDAQ:UAL)

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย