ตลาดลงทุนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ให้ราคากับดราม่าที่เกิดขึ้นหน้ารัฐสภาสหรัฐฯ ดัชนีหลักๆ อย่างเอสแอนด์พี 500 และแนสแด็กยังสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่ได้ ตลาดได้ปรับตัวขึ้นสูงยิ่งกว่าเดิมบนความหวังที่จะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการบริหารของโจ ไบเดนเพราะพรรคเดโมแครตสามารถกวาดทั้งสองที่นั่งในสภาวุฒิสภาได้จากการเลือกตั้งซ่อมในรัฐจอร์เจีย ตัวเลขการจ้างงานฯ เมื่อวันศุกร์ที่แล้วได้สะท้อนให้เห็นแล้วว่าอเมริกาต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ทันทีเดี๋ยวนี้”
เมื่อไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ได้เปิดฉากเริ่มต้นขึ้นแล้ว ตลาดก็ต้องการทราบว่าสถานการณ์การเงินของบริษัทชื่อดังทั้งหลายในไตรมาสที่ 4 ปี 2020 เป็นอย่างไรกันบ้าง ในสัปดาห์นี้ เราจะเริ่มได้เห็นการรายงานผลประกอบการจากบริษัทชื่อดังเหล่านั้น ในบทความนี้เราได้นำหุ้นที่จะรายงานผลประกอบการภายในสัปดาห์นี้มาให้ได้ทราบข้อมูลกัน
1. JPMorgan Chase
ธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังเจพี มอร์แกน (NYSE:AMJ) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันศุกร์ที่ 15 มกราคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดว่าในไตรมาสนี้ เจพี มอร์แกนจะสามารถมีกำไรการปันผลต่อหุ้นอยู่ที่ $2.42 และมีตัวเลขกำไรสุทธิอยู่ที่ $28,020 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตัวเลขที่นักลงทุนจะให้ความสนใจมากที่สุดสำหรับการรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญซึ่งจะเป็นตัวบ่งบอกความสามารถในการคืนเงินของลูกหนี้ในช่วงวิกฤตโควิด อันที่จริงแล้วทุกภาคส่วนของระบบการเงินต่างก็ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยถูกปรับลงมาจนใกล้เคียงกับ 0% ในขณะที่ผู้บริโภคลดค่าใช้จ่ายลงและประหยัดเงินมากขึ้น
นอกจากนี้หุ้นของธนาคารบางตัวก็สามารถทำผลงานได้ดีกว่าเจพี มอร์แกนเพราะพวกเขามีการกระจายความเสี่ยงไปลงกับธุรกิจอื่น อย่างไรก็ตาม ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ปี 2020 เจพีมอร์แกนสามารถรายงานตัวเลขผลประกอบการเพิ่มขึ้น 30% ได้อย่างน่าประหลาดใจ ล่าสุดหุ้นเจพี มอร์แกนมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $136.02
2. Delta Air Lines
บริษัทDelta Air Lines Inc (NYSE:DAL)จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการ นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.42 ส่วนกำไรในไตรมาสนี้คาดว่าจะสามารถทำได้ $3,810 ล้านเหรียญสหรัฐ
สำหรับธุรกิจสายการบินนั้นยังคงพยายามอย่างหนักที่จะยืนและกลับมาให้ได้หลังจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดไปตลอดทั้งปี 2020 มีรายงาน CEO ของบริษัทได้เขียนจดหมายปีใหม่ถึงพนักงานว่า “ปีนี้เราจะมีสภาพคล่องภายในบริษัทที่ดีขึ้นเพราะปี 2021 ถือเป็นปีแห่งการฟื้นฟู”
อย่างไรก็ตามเอ็ด บาสเตียน CEO ของบริษัทยังยืนอยู่บนความเป็นจริง เขายอมรับว่าความต้องการเดินทางท่องเที่ยวของผู้คนยังอยู่ในระดับต่ำมาก หากปีนี้วัคซีนสามารถกระจายจนเข้าถึงผู้คนได้ในระดับหนึ่งแล้ว ทางสายการบินมีแผนที่จะทำโปรโมชันให้กับผู้โดยสารกลุ่มที่ได้รับวัคซีนแล้ว
“แม้ว่าผมจะเชื่อว่าปี 2021 นี้จะเป็นปีแห่งการฟื้นฟู แต่ความไม่ชัดเจนที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดจากการแพร่ระบาดของโรคนั้นยังเป็นสิ่งที่ประเมินยากที่สุด แต่เราก็มีแผนที่จะรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันแล้ว”
หุ้นของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $40.02 ปรับตัวขึ้นมา 48% ในช่วงหกเดือนล่าสุด
3. Tesla (NASDAQ:TSLA) Motor
ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องสำหรับหุ้นของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) ที่เปิดสัปดาห์แรกของปี 2021 ก็สามารถปรับตัวขึ้นต่อแล้ว 20%
หากนับเฉพาะขาขึ้นที่เริ่มต้นในฤดูใบไม้ผลิล่าสุดจะพบว่าตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้หุ้นเทสลาถือว่าวิ่งขึ้นมาแล้่ว 800% ส่งให้ CEO ของบริษัทนายอีลอน มัสก์กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกแซงหน้าเจ้าของอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) เป็นที่เรียบร้อย
ความร่ำรวยของอีลอน มัสก์ยังทำให้หุ้นของเทสลาได้รับการยอมรับจากตลาดมากขึ้นอย่างเช่นการขึ้นไปอยู่บนดัชนีเอสแอนด์พี 500 สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นอย่างมากคือหากเป็นเช่นนี้ต่อไป บริษัทเทสลาจะสามารถยึดครองตลาดผู้ผลิตรถยนต์ในอนาคตได้หรือไม่ ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ หุ้นเทสลามีราคาซื้อขายอยู่ที่จุดสูงสุดตลอดกาล $880.02 ปรับตัวขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอีก 8% มีมูลค่าตลาดล่าสุดอยู่ที่ $837,000 ล้านเหรียญสหรัฐ