เพราะตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ออกมาไม่สวยงามมากนักในสัปดาห์นี้นักลงทุนจึงจะให้ความสนใจการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ของบริษัทใหญ่ๆ ในสหรัฐอเมริกาเป็นพิเศษซึ่งว่ากันว่าไตรมาสนี้จะเป็นไตรมาสที่นักลงทุนจะได้เห็นผลกระทบที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19 มากที่สุด ครั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่าผลประกอบการโดยเฉลี่ยของบริษัทในตลาดหุ้นจะลดลง 44% อ้างอิงข้อมูลจาก Refinitiv I/B/E/S ระบุว่าในปี 2008 กำไรจากดัชนี S&P 500 เคยลดลงมากถึง 67% และการรายงานผลประกอบการรอบนี้จะแย่ยิ่งกว่านั้น
ในทางกลับกันถ้าตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสนี้กลับดีขึ้นมาจนอยู่ในระดับที่เหนือความคาดหมาย ตลาดจะนับเอาความสำเร็จนี้กลายเป็นจุดบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได่ผ่านจุดที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว การที่ดัชนีหลักๆ ได้ปรับตัวสูงขึ้นนับตั้งแต่จุดต่ำสุดเมื่อเดือนมีนาคมก็เป็นสัญญาณบ่งชี้ให้เห็นแล้วว่าตลาดคาดหวังกับการฟื้นตัวนี้สูงมากแค่ไหน หุ้น 3 ตัวที่เราจะแนะนำในบทความนี้คือหุ้น 3 ตัวเด่นที่มาจากกลุ่มซึ่งแตกต่างกัน
1. Netflix (NASDAQ:NFLX)
บริษัทเจ้าของธุรกิจสตรีมมิ่งภาพยนตร์ยักษ์ใหญ่นามเน็ตฟลิกซ์ (NASDAQ:NFLX) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ของเน็ตฟลิกซ์จะอยู่ที่ $1.82 ต่อหุ้นและมีกำไรรวมทั้งสิ้น $6,090 ล้านเหรียญสหรัฐ
ช่วงโควิด-19 ระบาดอย่างหนักในไตรมาสแรกจนนำไปสู่มาตรการล็อกดาวน์ เน็ตฟลิกซ์คือหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์อย่างมากที่สุดจากการแพร่ระบาดจนได้รับฉายาว่าเป็น “หุ้นสำหรับคนอยู่บ้าน” อย่างแท้จริง
หุ้นเน็ตฟลิกซ์มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $548.73 ปรับตัวขึ้นภายในวันศุกร์ที่แล้ววันเดียว 8% ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นเน็ตฟลิกซ์ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 69% ในขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลดลงมาตลอดทั้งปี 1% ผลงานของหุ้นเน็ตฟลิกซ์ในปี 2020 กับปี 2019 ไม่มีความเหมือนกันเลยแม้แต่นิดเดียว ในปีที่แล้วหุ้นเน็ตฟลิกซ์ถือเป็นหุ้นที่วิ่งได้น้อยที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นอีก 4 ตัวในกลุ่ม “5 เทพหุ้นเทคฯ (FAANG)” ด้วยกันเอง
การรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะได้เห็นแล้วว่าการที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาขับเคลื่อนตามเดิมจะส่งผลกระทบต่อกำไรของเน็ตฟลิกซ์มากแค่ไหน ขาขึ้นครั้งนี้จะยังเป็นขาขึ้นที่ยั่งยืนอยู่หรือไม่และเน็ตฟลิกซ์จะยังคงได้ชื่อว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในช่วงโควิด-19 อยู่หรือเปล่า?
2. JPMorgan Chase
ไม่มีนักลงทุนคนไหนไม่รู้จักธนาคารสำหรับการลงทุนชื่อดังของสหรัฐฯ อย่างเจพีมอร์แกนเชส (NYSE:JPM) ซึ่งธนาคารชื่อดังแห่งนี้จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในวันอังคารที่ 14 กรกฎาคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐเปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ของเจพีมอร์แกนจะอยู่ที่ $1.19 ต่อหุ้นและมีกำไรรวมทั้งสิ้น $30,400 ล้านเหรียญสหรัฐ
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารที่จะสามารถเอาตัวรอดในช่วงวิกฤตโควิด-19 ไปได้เมื่ออัตราดอกเบี้ยถูกธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปเกือบเป็น 0% แถมยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังทยอยออกมาเรื่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนนำเงินที่เก็บไว้ในธนาคารออกมาใช้
สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการรายงานผลประกอบการของธนาคารชื่อดังคือพวกเขาต้องการดูตัวเลขของเงินกู้จากธนาคารว่าใกล้ถึงขีดจำกัดมากแค่ไหนแล้วเพราะเมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำก็จะส่งผลให้คนมีความต้องการอยากกู้มากยิ่งขึ้น ล่าสุดหุ้นของเจพีมอร์แกนมีราคาปิดอยู่ที่ $96.27 ตลอดทั้งปี 2020 ปรับตัวลดลง 32%
3. Johnson & Johnson
บริษัทข้ามชาติในอุตสาหกรรมยาและเครื่องมือการแพทย์จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันหรือ “เจแอนด์เจ” (NYSE:JNJ) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในวันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคมก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ของเจแอนด์เจจะอยู่ที่ $1.47 ต่อหุ้นและมีกำไรรวมทั้งสิ้น $17,500 ล้านเหรียญสหรัฐ
เมื่อปีที่แล้วเจแอนด์เจประสบปัญหาพบผู้บริโภคร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์แป้งเด็กซึ่งส่งผลกระทบต่อทิศทางอัตราการเติบโตของบริษัท อย่างไรก็ตามการเข้ามาของวิกฤตโควิด-19 กลับกลายเป็นผลดีกับบริษัทเมื่อนักลงทุนมองว่าหุ้นของเจแอนด์เจสามารถเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยซึ่งเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการถือครองในช่วงวิกฤตโรคระบาดได้ ล่าสุดหุ้นเจแอนด์เจมีราคาปิดอยู่ที่ $142.37 ตลอดทั้งปี 2020 มีการปรับตัวเปลี่ยนแปลงของราคาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เจแอนด์เจถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่กำลังพยายามพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 อยู่ ล่าสุดทางบริษัทได้ออกมาเผยว่าวัคซีนต้านโควิดแบบฉุกเฉินจะสามารถพร้อมใช้งานภายในเดือนมกราคมปี 2021 ซึ่งทางเจแอนด์เจได้ลงทุนเป็นเงินมากกว่า $1,000 ล้านเหรียญสหรัฐร่วมกับหน่วยงานวิจัยของรัฐบาลเพื่อพัฒนาวัคซีนดังกล่าว
ห้ามพลาด
♦"ครึ่งปี” ต้องจดจำไปตลอดชีวิตนักลงทุน
♦ภาพรวมตลาดลงทุนประจำสัปดาห์: ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นแข่งกับตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19
♦5 เหตุผลที่แม้ว่าไทยจะควบคุมไวรัสได้ดี แต่...เศรษฐกิจเรายังอาจหดตัวหนักสุดในเอเชีย