ประเทศไทยเราได้รับชื่อว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดได้ดีที่สุดในโลก โดยประเทศไทยเรานั้นไม่ได้มีการระบาดระหว่างคนในประเทศเป็นเวลาเกินกว่า 40 วันมาแล้ว ในขณะที่ประเทศมหาอำนาจใหญ่ๆอื่นๆยังมีการระบาดกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเทศอย่างสหรัฐก็ยังไม่สามารถหาทางออกในการควบคุบไวรัสระบาดนี้ได้ ทำให้ประเทศไทยเรานั้นน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีใช่ไหม ?
แต่... ทำไมทางนักวิเคราะห์ Bloomberg ยังถึงยกให้ #เศรษฐกิจไทยอาจเป็นประเทศที่แย่ที่สุดในเอเชียในปีนี้ ถึงแม้เราจะสามารถควบคุมการระบาดของไวรัสโควิดได้เป็นอย่างดีก็ตาม ???
เหตุผลหลักๆมีดังนี้ครับ
1. #ธนาคารแห่งประเทศไทยมองว่าเศรษฐกิจเราจะหดตัวลง -8.1% ในปีนี้
ไม่ใช่แค่ทาง Bloomberg อย่างเดียวที่ไม่เชื่อมั่นในเศรษฐกิจของเรา แต่เมื่อ 2 อาทิตย์ก่อนแม้แต่ทางแบงก์ชาติของเราเองก็ยังมองว่าเศรษฐกิจไทย #จะหดตัวอย่างรุนแรงมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย GDP ไทยจะ #หดตัวรุนแรงกว่าสมัยวิกฤติต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 เสียอีก ที่ติดลบ -7.6% ในไปปีนั้น
โดยปกติแล้วทางแบงก์ชาติจะเป็นผู้ที่มองตัวเลขเศรษฐกิจไทยไปในทิศทางที่ดีกว่าที่ตลาดคาด โดยจะให้ตัวเลขการเติบโตสูงกว่านักวิเคราะห์อื่นๆอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นการที่ทางแบงก์ชาติเองยังออกมามอง GDP ติดลบหนักขนาดนี้นั้นทำให้นักลงทุนต่างกังวลกันอย่างมาก
แม้แต่ทางนักวิเคราะห์ Bloomberg ยังมองว่า GDP ไทยปีนี้จะหดตัวที่ -6% (แต่ก็ยังแย่ที่สุดในเอเชีย) ก่อนที่จะดีดกลับขึ้นมาโต 4% ในปีหน้า
2. #การท่องเที่ยวที่หายไปเป็นแผลใหญ่ของเรา
ถึงแม้ว่าเราจะควบคุมการระบาดของไวรัสในประเทศได้เป็นอย่างนี้ ทุกวันนี้ประชาชนก็เริ่มกลับมาเดินห้าง จับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น รถก็เริ่มติดมากขึ้นทุกวัน แต่ปัญหาคือ #เงินที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจเรามาตลอดนั้น 15% ของ GDP ไทยมาจาก #เงินของคนต่างชาติ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถเปิดประเทศให้คนต่างชาติเข้ามาใช้จ่ายในบ้านเราได้นั้น การใช้จ่ายจากคนในประเทศนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้เศรษฐกิจเราโตได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้ประเทศเราได้ปิดการเดินทางจากคนต่างชาติไปตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม ทำให้เราขาดรายได้ในส่วนนี้ไปเกินกว่า 2 เดือนแล้ว และคาดว่าทั้งปีนี้เราจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้เพียง 8 ล้านคน ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขปกติที่เราเคยรับอยู่ที่ 40 ล้านคนต่อปีอยู่ถึง 5 เท่า
3. #การส่งออกของเรายังโดนกระทบ
ถึงแม้จะควบคุมไวรัสในประเทศได้แต่ประเทศไทยเราก็ยังเป็นฐานการส่งออกที่สำคัญ ตราบใดที่ความต้องการใช้ของต่างประเทศลดลงเพราะไวรัสในประเทศเขา #การสั่งของจากประเทศเราก็จะลดลง และเศรษฐกิจเราก็จะโดนผลกระทบจากรายได้ที่หายไปนี้ด้วย
ตัวเลขที่ส่งออกที่ประกาศออกมาใน 5 เดือนแรกของปีนี้ ถึงแม้จะหดตัวลงไปเพียงแค่ 2 เดือน ถือว่าประเทศไทยเรายังทำได้ดีอยู่ แต่โดยรวมแล้วน่าจะทำให้การส่งออกทั้งปีนั้นยังหดตัวลงอยู่
4. #ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้ส่งออกง่ายขึ้นเลย
ในขณะที่ความต้องการใช้จากต่างประเทศหดลง ค่าเงินบาทเองก็แข็งค่าขึ้นกว่า 6% ไปแล้วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่เกิดไวรัสระบาดขึ้น #ทำให้ส่งออกยากขึ้นไปอีก โดยค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นจาก 33 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนเมษายน ลงมาเป็น 31 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐในเดือนมิถุนายน
ถึงแม้ว่าทางธนาคารแห่งประเทศไทยจะรีบลดอัตราดอกเบี้ยลงมาสู่ระดับที่ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์แล้วที่ 0.5% ก็ตาม ซึ่งโดยปกติการลดดอกเบี้ยนั้นจะทำให้ค่าเงินอ่อนลง แต่ในครั้งนี้กลับยังไม่เป็นผลเพราะต่างประเทศเองก็ต่างลดดอกเบี้ยกันถ้วนหน้า ทำให้ค่าเงินบาทที่แข็งแกร่งขึ้นยิ่ง #ทำให้ราคาสินค้าไทยนั้นราคาแพงขึ้นเมื่อเทียบกับข้าวของจากชาติอื่นๆ และทำให้ส่งออกยากขึ้นไปอีก
5. #การใช้เคอร์ฟิวและการปิดกิจการต่างๆ ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักไป
เรื่องการปิดเศรษฐกิจเพื่อแลกกับการควบคุมระบาด หรือ เสี่ยงระบาดเพื่อให้เศรษฐกิจนั้นเดินต่อไป ? ได้เป็นคำถามที่ถกเถียงมากันนานในหลายๆประเทศและก็ยังไม่มีคำตอบไหนเป็นคำตอบที่ถูกต้องอย่างชัดเจน โดยทุกๆอย่างนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศเป็นหลักและยังขึ้นอยู่กับดวงของประเทศนั้นด้วย
ยกตัวอย่างเช่นประเทศ Sweden ที่แทบจะไม่ได้ทำการปิด Lock Down เลยเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง Denmark ที่ทำการ Lock Down อย่างเคร่งครัดแบบเต็มกำลัง แต่อัตราการถดถอยของเศรษฐกิจของทั้งคู่นั้นกลับไม่ต่างกันมาก หรือแม้แต่ประเทศที่พยายาม Lock Down อย่างสหรัฐก่อนหน้านี้ก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเลขการระบาดได้
เพราะฉะนั้นเราคงไม่มีทางรู้เลยว่า #หากเราไม่ได้ปิดเมืองอย่างเข้มข้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ไทยเราจะเป็นอย่างไร ? และเราอาจจะยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้อระบาดอยู่ก็ได้
อย่างไรก็ตามทาง Bloomberg มองว่าการประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน การใช้เคอร์ฟิวและการปิดกิจการต่าง ๆ ทำให้การบริโภคจากประชาชนนั้นลดลงอย่างมากเป็นเวลาเกือบ 25% ของปีแล้ว เราคงต้องมาช่วยกันลุ้นว่าหลังรัฐบาลคลายมาตรการ Lock Down แล้ว ตอนนี้การใช้จ่ายของเราจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิมกันหรือไม่
และนี่ก็คือสรุปเหตุผลต่างๆที่ทำให้ทาง Bloomberg มองว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะเป็นประเทศที่แย่ที่สุดในเอเชียในปีนี้
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP
♦ศูนย์วิจัยกรุงศรีปรับลดคาดการณ์ GDP ไทยสู่ระดับต่่าสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -10.3%