รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ลงทุนหุ้นธนาคารอย่างไร ในวันที่งดจ่ายปันผล ตอนที่ 1

เผยแพร่ 01/07/2563 08:30
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ประเด็นร้อนแรงที่ถูกพูดถึงกันมากคือ การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล และงดซื้อหุ้นคืน ทำให้เกิดความกังวลใน 2 ประเด็น คือ
..
1.คนที่ลงทุนในกลุ่มแบงค์เพราะหวังจะได้ปันผลระหว่างปี ก็จะอดได้ไป และก็ต้องมาลุ้นต่อว่าปันผลประจำปีจะจ่ายมั้ย หรือจะจ่ายลดลงหรือเปล่า

2.คนที่กังวลกับภาพเศรษฐกิจโดยรวมเพราะมองว่า แบงค์ชาติอาจจะกำลังส่งสัญญาณเตือน เศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นหรือเปล่า NPLs จะเพิ่มขึ้นมากใช่มั้ย

ก่อนที่จะไปลงรายละเอียดในแต่ละธนาคาร เรามาทำความเข้าใจ Business Model ของกลุ่มธนาคารกันก่อนว่าเป็นอย่างไร และมีปัจจัยอะไรที่ต้องติดตามกันบ้าง

♦ แบงค์เริ่มจากการรับฝากเงินจากคนที่มีเงินออมเงินเก็บโดยให้ดอกเบี้ยไม่เยอะ อาจจะซัก 1-2% แล้วแต่ประเภทและระยะเวลา

♦ ต่อมาก็จะเอาเงินนั้นไปปล่อยกู้ให้กับคนที่ต้องการใช้เงินในด้านต่างๆ หรือแบงค์เองก็อาจจะมีการเอาไปลงทุน มีบัตรเครดิต ขายประกัน เป็นต้น

♦ แบงค์ก็จะได้รายได้ที่เป็นส่วนต่างของดอกเบี้ย และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย เช่น ค่าธรรมเนียมต่างๆ

แปลว่า ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่องบแบงค์ก็ได้แก่

♦ ภาวะเศรษฐกิจ ถ้าดี คนก็จะมากู้ไปลงทุนกันเยอะ สินเชื่อก็จะเพิ่ม แบงค์ก็จะได้เงินเยอะ ตรงนี้เรียก Loan Growth

♦ เราสามารถดูได้ว่าแต่ละแบงค์มีการปล่อยสินเชื่อเยอะน้อยแค่ไหนโดยดูว่า เงินฝากมีเท่าไหร่ แล้วเอาไปปล่อยกู้เยอะแค่ไหน อัตราส่วนนี้เรียกว่า Loan to Deposit

♦ ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝาก พูดง่ายๆ ก็คล้ายๆ กับมาร์จิ้นของร้านค้าเวลาขายของ ถ้าส่วนต่างยิ่งมากก็จะยิ่งกำไรเยอะ ตรงนี้เรียกว่า Load Spread และ NIM (Net Interest Margin) แต่ก็จะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ที่จะเป็นผู้กำหนดทิศทางด้วย

♦ แต่ปัญหาคือ คนที่กู้แบงค์ไปไม่ใช่ว่าทุกคนจะคืนหนี้ได้หมด หรือคืนหนี้ได้ตามเวลาที่กำหนด ก็ทำให้เกิดหนี้สงสัยจะสูญ หรือ NPLs ขึ้นมา ถ้าสุดท้ายจ่ายคืนไม่ได้ก็จะกลายเป็นหนี้เสียในที่สุด ปัจจุบันระดับ NPLs ต่อสินเชื่อรวมอยู่ประมาณ 3%

♦ เพราะฉะนั้นเพื่อความมั่นคงของแบงค์เอง จึงได้มีการกำหนดว่าแบงค์ต้องมีเงินกองทุนที่เพียงพอสำหรับความเสี่ยง โดยเราเรียกว่า อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งหมดต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio) หรือตัวย่อ คือ CAR โดยปัจจุบันกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 18-19% สูงกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำที่กำหนดไว้ 12%


วันนี้เราจะมาคุยกันถึงหุ้น 4 แบงค์ ใหญ่กันก่อนนะครับ ได้แก่ SCB, KBANK, BBL และ KTB ซึ่งเราจะเรียงตามลำดับ Jitta Score จากมากไปน้อย

# (BK:SCB) ธนาคารไทยพาณิชย์

♦ แบงค์สีม่วง เน้นลูกค้ารายย่อย บุคคลทั่วไป ร้านค้าปลีกเป็นหลัก
♦ Jitta Score 5.07 และ ราคาถูกกว่า Jitta Line 43.2%
♦ Dividend Yield 7.50% (ในอดีตเฉลี่ย 4.1%) ถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว และเมื่อก่อน 4% ก็ถือว่าดี
♦ P/E 6.1 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 10.5 เท่า) ค่อนข้างต่ำกว่าที่ผ่านมาเยอะ
♦ P/BV 0.6 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 1.3 เท่า) ค่อนข้างต่ำเช่นกัน
♦ NIM 3.5% แนวโน้มจะค่อยๆ แคบลงจากดอกเบี้ยที่ลดลง
♦ NPL 3.2% ไม่ได้สูงเท่าไหร่
♦ Loan to Deposit 87.2% ใกล้เคียงแบงค์อื่นและค่อนข้างระมัดระวังตัวดี
♦ CAR 17.2% อยู่ในเกณฑ์สูงพอๆ กับแบงค์อื่น และสูงกว่าเกณฑ์


# (BK:BBL) ธนาคารกรุงเทพ

♦ แบงค์สีน้ำเงิน เน้นลูกค้าบริษัทขนาดใหญ่ Corporate
♦ Jitta Score 4.93 และ ราคาถูกกว่า Jitta Line 43.2%
♦ %Dividend Yield 6.4% (ในอดีตเฉลี่ย 3.5%) ถือว่าค่อนข้างสูงทีเดียว และในอดีตก็ถือว่าดี
♦ P/E 5.9 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 10.8 เท่า) ค่อนข้างต่ำกว่าที่ผ่านมาเยอะ
♦ P/BV 0.5 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 0.9 เท่า) ค่อนข้างต่ำ
♦ NIM 2.5% ต่ำที่สุด เพราะลูกค้าเป็นรายใหญ่ แต่ก็น่าจะปลอดภัยกับการเกิดหนี้เสียในภาวะวิกฤตได้มากที่สุด
♦ NPL 3.5% ไม่ได้สูงเท่าไหร่
♦ Loan to Deposit 77.5% ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับแบงค์อื่นตามสไตล์แบงค์ที่ค่อนข้างระมัดระวังตัว
♦ CAR 18.5% อยู่ในเกณฑ์สูงพอๆ กับแบงค์อื่น และสูงกว่าเกณฑ์


# (BK:KTB)ธนาคารกรุงไทย

♦ แบงค์สีฟ้า เน้นลูกค้าภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และบริษัทใหญ่
♦ Jitta Score 4.89 และ ราคาถูกกว่า Jitta Line 51.9%
♦ Dividend Yield 7.4% (ในอดีตเฉลี่ย 4%) เป็นแบงค์ที่ไม่ได้จ่ายปันผลระหว่างกาล แต่ก็จะมีความกังวลว่าแล้วปันผลประจำปีจะลดลงหรือเปล่า
♦ P/E 4.9 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 9.4 เท่า) ถือว่าต่ำที่สุดในกลุ่มแบงค์ใหญ่ แต่ไม่ได้แปลว่าจะลงต่ำกว่านี้ไม่ได้ เพราะถ้าผลประกอบการในอนาคตไม่ดี ก็อาจจะลงไปมากกว่านี้ได้
♦ P/BV 0.4 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 0.9 เท่า) ต่ำเช่นกัน พอๆ กับแบงค์อื่น
♦ NIM 3.2% แนวโน้มจะค่อยๆ แคบลงจากดอกเบี้ยที่ลดลง
♦ NPL 4.4% สูงกว่าแบงค์อื่น แต่ในแง่ตัวเลขก็ไม่ได้ถือว่าสูง
Loan to Deposit 84.6% ใกล้เคียงแบงค์อื่นและค่อนข้างระมัดระวังตัวดี
♦ CAR 18.4% อยู่ในเกณฑ์สูงพอๆ กับแบงค์อื่น และสูงกว่าเกณฑ์


#(BK:KBANK) ธนาคารกสิกรไทย

♦แบงค์สีเขียว เน้นลูกค้ารายย่อย SME, Retail
♦Jitta Score 4.25 และ ราคาถูกกว่า Jitta Line 39.9%
♦ Dividend Yield 5.4% (ในอดีตเฉลี่ย 2.2%) สูงใช้ได้ แต่ในอดีตไม่ได้สูงมาก อาจเป็นเพราะราคาหุ้นลงมามาก
♦ P/E 6.3 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 12 เท่า) สูงกว่าแบงค์อื่น แต่ตัวเลขก็ต่ำอยู่ดี
♦ P/BV 0.5 เท่า (ในอดีตเฉลี่ย 1.3 เท่า) ค่อนข้างต่ำ
♦ NIM 3.5% แนวโน้มจะค่อยๆ แคบลงจากดอกเบี้ยที่ลดลง
♦ NPL 3.9% ไม่ได้สูงเท่าไหร่
♦ Loan to Deposit 87.6% ใกล้เคียงแบงค์อื่นและค่อนข้างระมัดระวังตัวดี
♦ CAR 17% อยู่ในเกณฑ์สูงพอๆ กับแบงค์อื่น และสูงกว่าเกณฑ์


โดยสรุป 4 แบงค์ใหญ่ ดูแล้วมีฐานะการเงินมั่นคง เงินกองทุนสูงกว่าเกณฑ์พอสมควร ไม่ปล่อยกู้เกินตัว NPLs ยังไม่สูง แต่เราก็อาจจะประมาทไม่ได้ เพราะนี่คือตัวเลขจาก Q1 ที่ยังไม่ได้โดนผลกระทบเต็มๆ ของ COVID-19 เพราะฉะนั้น เราต้องติดตามดูกันต่อไปว่า Q2 ที่ปิดเมืองเต็มเดือนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร และ Q3 ที่น่าจะเริ่มเห็นตัวเลข NPLs ออกมา แล้วเมื่อนั้นเราก็จะพอคาดการณ์ได้ว่า ธนาคารจะสามารถจ่ายปันผล และกลับมาเติบโตได้มากน้อยเพียงใด

คราวหน้าเราจะมาดูกันครับว่า ธนาคารขนาดกลางและเล็กทำผลงานเป็นอย่างไรกันบ้าง อดใจรออีกนิดนึงนะครับ

#ส่องหุ้นสู้วิกฤต #Jitta #วิตามินหุ้น

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

Stock Vitamins x Jitta
ส่องหุ้นสู้วิกฤต
.
Source:
- S&P Global Market Intelligence ธนาคารแห่งประเทศไทย และงบการเงินประจำปีของธนาคารพาณิชย์แต่ละแห่ง เรียบเรียงโดย Jitta
- Company Presentation

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins-วิตามินหุ้น

...

ห้ามพลาดครับ

ถอดบทเรียนจาก Liverpool สู่โลกการลงทุน

10 หุ้น (SET100) ซิ่งวิ่งแรงแชมป์ครึ่งปี 63 !

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย