สัปดาห์ที่ผ่านมา เศรษฐกิจฝั่งสหรัฐฯและยุโรปส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการ Lockdown สะท้อนจากยอดค้าปลีกที่โตมากกว่าคาด
ติดตามผลการประชุม กนง. และนโยบายลดการแข็งค่าของเงินบาทในวันพุธ เพราะแม้ กนง. จะคงดอกเบี้ยที่ 0.50% ตามคาด แต่เงินบาทก็อาจผันผวนขึ้นได้หากมีการเปิดเผยมาตรการบรรทาการแข็งค่าของเงินบาท
แม้ว่าตลาดการเงินโดยรวมจะยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง แต่ฝั่งไทยอาจเผชิญแรงเทขายหนัก หลัง ธปท. ขอให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายปันผลและซื้อหุ้นคืนทำให้ทั้งตลาดหุ้นรวมถึงตลาดค่าเงินอาจผันผวนสูงขึ้น
กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 30.75-31.25 บาท/ดอลลาร์ USD/THB
อัพเดตอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท
https://th.investing.com/currencies/usd-thb
มุมมองนโยบายการเงิน
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธ เรามองว่า กนง.จะ“คง”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Repo Rate) ไว้ที่ระดับ 0.50%หลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากการประชุมครั้งก่อน ทั้งนี้ กนง.จะยังคงส่งสัญญาณพร้อมใช้เครื่องมือต่างๆ รวมทั้งมาตรการด้านการงินและสินเชื่อหากมีความจำเป็น นอกจากนี้ เราเชื่อว่า ธปท.อาจประกาศมาตรการช่วยลดการแข็งค่าของเงินบาทอาทิ การลดปริมาณการออกพันธบัตรระยะสั้นหรือการควบคุมธุรกรรมค้าทองคำที่เข้มงวดมากขึ้น
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ในวันพฤหัสฯตลาดมองว่า BSP จะ“ลด”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Overnight Rate) 0.25% สู่ระดับ 2.50% เพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะเดินหน้าฟื้นตัวดีขึ้นสะท้อนจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและการบริการในเดือนมิถุนายนที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ50.8จุด และ 48จุด ตามลำดับ เช่นเดียวกับ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders)เดือนพฤษภาคมก็จะโต 11%จากเดือนก่อนหน้า หลังจากหดตัวกว่า 18% ส่วนยอดใช้จ่ายส่วนบุคคล (Personal Spending) เดือนพฤษภาคมจะโตราว 8% จากเดือนก่อนสอดคล้องกับยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนพฤษภาคม ที่จะเพิ่มขึ้น 17.7% จากเดือนก่อน
ฝั่งยุโรป – ตลาดยังคงเชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจยุโรปชี้จากประมาณการดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตและการบริการในเดือนมิถุนายนที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 44.8จุด และ41.2จุด ตามลำดับ ขณะเดียวกันดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมนี (IFO Business Climate) เดือนมิถุนายนก็จะปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 85จุด จากระดับ 79.5จุด ในเดือนก่อน
ฝั่งเอเชีย – ตลาดคาดว่าธนาคารกลางจีน (PBOC)จะคงอัตราดอกเบี้ยอ้าง อายุ 1ปี (1-yr LPR) ไว้ที่ระดับ 3.85% ทั้งนี้ PBOC อาจลดดอกเบี้ยดังกล่าวได้อีก 0.50% เป็นอย่างน้อยเพื่อช่วยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจจีน
ฝั่งไทย – ตลาดประเมินว่าดุลการค้าจะยังคงเกินดุลในเดือนพฤษภาคมเนื่องจากยอดนำเข้าจะหดตัวถึง 16% จากปีก่อนหน้า มากกว่ายอดส่งออกที่จะหดตัวราว 6% โดยส่วนหนึ่งมาจากราคาน้ำมันดิบที่ดิ่งลงกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน ขณะที่ยอดส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์และอาหารยังคงขยายตัวได้ในช่วงมาตรการ Lockdown ในหลายประเทศ
ดูกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ https://th.investing.com/economic-calendar/
บทความห้ามพลาด
เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มซื้อขายในกรอบ 30.85-31.25 ต่อดอลลาร์
เงินบาท ( 22 มิ.ย. ) ทรงตัวที่ 31.03 บาท/ดอลลาร์ สัปดาห์นี้ต้องจับตา กนง.
'สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง7'ของเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และตลาดการเงินปี 2020