🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

แบงก์ไทยวันนี้ไม่อ่อนแอเหมือนปี 40

เผยแพร่ 22/06/2563 13:52

ธปท. ประกาศ 2 มาตรการหลักให้สถาบันการเงินเตรียมรับผลกระทบจาก COVID-19 วันศุกร์ที่ผ่านมา ธปท. มีประกาศสำคัญออกมา 2 เรื่องคือ มาตรการช่วยเหลือลูกหนีร้ายย่อยที่ได้รับผลจาก COVID-19 ระยะที่ 2 มีรายละเอียดที่สำคัญคือ
1) ปรับลดเพดานดอกเบี้ยเป็นการทั่วไป โดยลดดอกเบี้ยบัตรเครดิตลงจาก 18% เหลือ 16%, สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับอื่นๆ ได้แก่ สินเชื่อวงเงินหมุนเวียน (บัตรกดเงินสด) และ สินเชื่อผ่อนชำระเป็นงวดลดจาก 28% เหลือ25% และสินเชื่อจำนำทะเบียนรถลดลงจาก 28% เหลือ 24% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2563เป็นต้นไป
2) ปรับเพิ่มวงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลชั่วคราวให้กับลูกหนี้ที่มีการชำระเงินดีแต่มี รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทจาก 1.5 เท่าเป็น 2 เท่าของเงินเดือน มีผลวันที่ 1 ส.ค.-31 ธ.ค. 2563
3) ขยายขอบเขตและระยะเวลาช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 และยังไม่เป็น NPL โดยมาตรการส่วนใหญ่เป็นการช่วยเหลือด้านลดดอกเบี้ยและการลดค่างวดผ่อนชำระ
4) เร่งดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหน

มาตรการเสริมสร้างเงินกองทุน โดยให้ธนาคารพาณิชย์งดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและงดการซื้อหุ้นคืน เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของผลกระทบทาง ศก. ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ยากจะประเมินผลกระทบที่แท้จริงต่อคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร พร้อมให้แต่ละธนาคารจัดทำแผน บริหารจัดการเงินกองทุนในช่วง 1-3 ปี ข้างหน้า

สินเชื่อบัตรเครดิตกระทบหนักสุด แต่สินเชื่อจำนำทะเบียนและเช่าซื้อไม่ได้รับผลลบ สำหรับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ระยะที่ 2 เป็นมาตรการที่สร้างผลกระทบมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเป็นการปรับลดเพดานดอกเบี้ยซึ่งมีผลกับการให้สินเชื่อกับลูกหนี้ทุกราย ขณะที่มาตรการระยะที่ 1เน้นให้ ความช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19โดยเราพบบางประเด็นที่แตกต่างไปจากสิ่งที่ ตลาดรับรู้ในช่วงก่อนหน้าดังนี้

1) ระยะเวลาการปรับลดเพดานดอกเบี้ยของสินเชื่อภายใต้การกำกับ เดิมคาดอยู่ระหว่างวันที่ 1 ก.ค.-31 ธ.ค. 2563 (รวม 6 เดือน) แต่ตามประกาศเป็นการปรับใช้โดยทั่วไป ไม่มีกำหนดสิ้นสุด ทำให้เราประเมินว่ามาตรการดังกล่าวจะถูกปรับใช้ต่อไปจนกว่าจะมีประกาศเพิ่มเติม โดยหุ้นที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ KTC และ AEONTS เนื่องจากมีสัดส่วนสินเชื่อบัตรเครดิตซึ่งเป็นสินเชื่อที่คิดดอกเบี้ยจากลูกหนี้ในระดับใกล้เคียงกับเพดานเดิมที่ 18% อยู่แล้ว การปรับเพดานลงเหลือ 16% จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี2563 ลดลง 6.9% และ 8.3%จากประมาณการเดิม

แต่ในส่วนของสินเชื่อวงเงินหมุนเวียนทั้ง 2 บริษัทคิดดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำกว่าเพดานใหม่ ทำให้ไม่ได้รับผลเชิงลบ ดังนั้นเราจึงคาด KTC และ AEONTS จะมีกำไรสุทธิในปี 2563 ราว 5,462 ลบ. หดตัว 1.1%YoY และ 3,714 ลบ. หดตัว 6.6%YoY ขณะที่หุ้นในกลุ่มสินเชื่อจำนำทะเบียนรถทั้ง SAWAD และ MTC คาดได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจาก MTC มีการ คิดดอกเบี้ยจากลูกค้าเฉลี่ยอยู่ที่ 22% ต่ำกว่าเพดานดอกเบี้ยใหม่ ส่วน SAWAD มีทั้พอร์ต สินเชื่อกลุ่ม Low Yield ที่ให้สินเชื่อภายใต้บริษัทย่อย S2014 ซึ่งมีการคิดดอกเบี้ยกับลูกค้าใน ระดับใกล้เคียงกับดอกเบี้ยตามมาตรการที่ 25% ส่วนสินเชื่อ High Yield ทั้งสินเชื่อจำนำ ทะเบียนรถและสินเชื่อบ้านที่มีการคิดดอกเบี้ยสูงกว่า 25% ดำเนินการภายใต้บริษัทย่อย BFIT

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities

บทความห้ามพลาด

ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญในการตัดสินใจครั้งนี้ ( ของแบงก์ชาติ )

ปันผลของแบงก์ที่หายไป ทำให้หุ้นปันผลตัวอื่นเด่นขึ้น

เบื้องลึก! ธปท.สั่งงดจ่ายปันผล หุ้น BANK ระส่ำ นักลงทุนจ๊าก!

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย