นักลงทุนพากันเทขายสกุลเงินดอลลาร์ทันทีหลังจากที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) นายเจอโรม พาวเวลล์แถลงการณ์ว่าเราจะต้องอยู่กับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ใกล้ระดับ 0% ไปกันอีกนาน อย่างน้อยที่สุดคือสิ้นปี 2020 นี้ จากแผนภาพที่แสดงถึงประมาณการนโยบายอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ผู้วางนโยบายไม่เห็นทางที่จะปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นได้เลยไปจนถึงปี 2022 นอกจากนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังวางแผนที่จะซื้อหลักทรัพย์ของกระทรวงการคลังและตราสารการเงินที่ผู้ซื้อลงทุนในสินเชื่อที่อยู่อาศัย (MBS) “เท่าที่ธนาคารกลางฯ เห็นว่าจำเป็น”
อย่างไรก็ตามในมุมมองที่ดีประธานเฟดบอกว่าเขาเห็นสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจากการปรับอัตราดอกเบี้ยลงมาใกล้ระดับ 0% แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แท้จริงจะยังไม่เกิดขึ้นตราบใดที่ประชาชนยังไม่รู้สึกว่าพวกเขาปลอดภัยเหมือนกับสมัยก่อนที่โควิด-19 ระบาด เฟดพร้อมที่จะใช้เครื่องมือช่วยเศรษฐกิจฉุกเฉินได้ตลอดเวลาและพร้อมปรับนโยบายการซื้อหลักทรัพย์หากว่าจำเป็น เฟดมีความจำเป็นต้องดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้คนที่ตกงานไปมากถึง 22-24 ล้านคนสามารถกลับมามีงานทำเหมือนเดิมได้ จากนี้ไปเราจะยังได้เห็นตัวเลขคนขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ในระดับ 1 ล้านคนขึ้นไปอีกสักระยะ สถานการณ์ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้าเราจะเห็นภาพรวมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ชัดเจนขึ้นกว่านี้ ในแง่ของนโยบายการทำงานธนาคารกลางฯ ตอนนี้เฟดได้ผ่านขั้นตอนของการป้องกันไม่ให้เกิดเศรษฐกิจฟืดเคืองมาเป็นการกระตุ้นให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นข่าวดีที่ไม่ดีมากของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
สรุป 5 ประเด็นสำคัญที่ได้จากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายทางการเงิน (FOMC) ในช่วงเช้าของวันนี้ว่า
- การซื้อหลักทรัพย์เช่นพันธบัตรรัฐบาล “เท่าที่จำเป็นในตอนนี้” คือสิ่งที่อยู่ในการพิจารณา
- อัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับใกล้กับ 0% ยาวไปจนถึงปี 2022
- ไม่มีทางที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงไปจนติดลบ
- คาดว่าอัตราการว่างงานจะหดตัวลงไป 9.3% ในปี 2020 แต่การหดตัวจะลดลงเหลือ 6.5% ในสิ้นปี 2021
- ตัวเลข GDP จะหดตัวประมาณ -6.5% ในปี 2020 ก่อนที่จะกลับเป็นบวก 5% ในปี 2021