วันแรกของการเริ่มต้นเดือนมิถุนายนเปิดตัวมาด้วยการอ่อนมูลค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่ไม่ว่าจับคู่กับสกุลเงินหลักไหนล้วนแล้วสู้ไม่ได้เลยทั้งสิ้นในขณะที่ตลาดหุ้นยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประชาชนชาวอเมริกันมีความเป็นกังวลเกี่ยวกับการประท้วงภายในประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่นักลงทุนในตลาดกลับทำเหมือนกับว่ายังเป็นเรื่องเล็กน้อย ในมุมมองของนักวิเคราะห์แทบจะไม่มีใครเชื่อว่านักลงทุนจะทนปิดหูปิดตาอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ได้อีกนาน ตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าเมื่อไหร่ที่ตลาดหุ้นจะเริ่มทรุดลงมาเท่านั้น ที่ผ่านมาการประท้วงแม้จะมีผลกระทบต่อตลาดลงทุนแต่ก็มักจะใช้เวลาไม่นานแต่ครั้งนี้เรากำลังประท้วงท่ามกลางความเสี่ยงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่อาจจะส่งผลให้ช่วงไตรมาสที่ 3 ของสหรัฐฯ จะกินเวลาฟื้นตัวยาวนานขึ้น
สกุลเงินนิวซีแลนด์และแคนาดาดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงจากข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของ Markit ระบุว่ากิจกรรมการผลิตในเดือนพฤษภาคมของแคนาดาเพิ่มสูงขึ้น ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างและข้อมูลทางการค้าของนิวซีแลนด์ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีตัวเลขดุลบัญชีการค้าของเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ดีทำให้สกุลเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นบวก
นอกจากจำนวนของผู้ประท้วงที่สร้างความกังวลแล้ววิธีการประท้วงคือสิ่งที่น่ากังวลกว่า พวกเขาประท้วงโดยไม่ใส่หน้ากาก ไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม หากตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลับมาพุ่งสูงขึ้นเป็นรอบที่ 2 ในมหานครนิวยอร์ก การกลับมาเปิดเมืองในขั้นแรกวันที่ 8 มิถุนายนเตรียมถูกเลื่อนออกไปได้เลย ในตอนนี้จึงสามารถสรุปได้ว่าขาขึ้นในตลาดหุ้นตอนนี้ยังยืนอยู่ได้เพราะข่าวการตอบโต้กฏหมายควบคุมใหม่ในฮ่องกงซึ่งตอนนี้จีนก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐฯ แล้วด้วยการระงับการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรบางประเภทเช่น ถั่วเหลือง เนื้อหมู ซึ่งอาจจะทำให้ทรัมป์ยิ่งเดือดเข้าไปอีก ข้อมูลตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตโดย ISM แม้จะออกมาดีขึ้นอยู่ที่ 32.1 แต่ก็ยังดีไม่ถึงเป้าที่นักวิเคราะห์วางเอาไว้ที่ 35
สกุลเงินที่ยังคงทำผลงานได้ดีที่สุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาคือออสเตรเลียดอลลาร์ที่ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 1% นำหน้าการประชุมเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) ที่พึ่งจบไปในช่วงเที่ยงของวันนี้ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ดังเดิมที่ 0.25% ย้อนกลับไปในการประชุมของ RBA เมื่อเดือนพฤษภาคม ตอนนั้นออสเตรเลียดอลลาร์ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้แม้ธนาคารกลางจะไม่ได้มีแถลงการณ์ในเชิงบวกมากนักโดยพูดเพียงแค่ว่า “ธนาคารกลางฯ จะทำในสิ่งที่สมควรทำเพื่อรักษาไม่ให้มีคนตกงานเพิ่มขึ้นและไม่ให้ธุรกิจต้องล้มลง นอกจากนี้ทางธนาคารกลางฯ จะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรรัฐบาลฯ ด้วย” นอกจากนี้ RBA ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศปีนี้จะหดตัวลง 6% และอัตราการว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้นเป็น 9% เพราะจะมีบางอาชีพที่เมื่อตายไปแล้วจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้อีก
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาของเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ออสเตรเลียกำลังอยู่ระหว่างการกลับมาเปิดเมืองเปิดพื้นที่ทางเศรษฐกิจอีกรอบอยู่พอดีซึ่งข้อมูลตัวเลขในตารางด้านล่างก็ชี้ให้เห็นว่าตัวเลขในภาคส่วนต่างๆ ดีขึ้น ตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้น 8.5% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน ล่าสุดเมื่อวานนี้ตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิตก็เพิ่มขึ้นจาก 35.8 เป็น 41.6 แม้อัตราการว่างงานจะเพิ่มแต่ก็เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ ผู้บริโภคและกลุ่มธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีนซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีในเดือนเมษายน
ในตอนนี้ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยกับการทำงานของรัฐบาลออสเตรเลียเกี่ยวกับการจัดการปัญหาโควิด-19 แต่สิ่งที่ทุกคนกังวลเกี่ยวกับออสเตรเลียคือปัญหาความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน การงัดข้อกับระหว่างสหรัฐฯ - จีนสามารถส่งผลมาถึงออสเตรเลียได้ถ้าหากจีนเกิดมีปัญหากับออสเตรเลีย รัฐบาลจีนยืนยันว่าภาษีการค้าขายข้าวบาร์เลย์ของออสเตรเลียกับพวกเขาจะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับความเข้มงวดในการตรวจสอบทางการค้าของออสเตรเลียและการนำเสนอข่าวของจีนในประเทศออสเตรเลียโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องต้นกำเนิดของเชื้อโควิด-19
สกุลเงินนิวซีแลนด์และแคนาดาดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกันเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ อ้างอิงจากข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของ Markit ระบุว่ากิจกรรมการผลิตในเดือนพฤษภาคมของแคนาดาเพิ่มสูงขึ้น ตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างและข้อมูลทางการค้าของนิวซีแลนด์ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีตัวเลขดุลบัญชีการค้าของเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมที่ดีทำให้สกุลเงินนิวซีแลนด์ดอลลาร์อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นบวก
ตัวเลขดัชนี PMI ของฝั่งยูโรโซนที่ออกมาลดลงทำให้กราฟ EUR/USD ชะลอการปรับตัวขึ้น ดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมันถูกปรับลดลงมาจาก 36.8 เหลือ 36.6 ในขณะที่ตัวเลข PMI ของยูโรโซนลดลงจาก 39.5 เหลือ 39.4 สัปดาห์นี้นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า ECB จะเพิ่มวงเงินให้กับโครงการซื้อสินทรัพย์ฉุกเฉินสำหรับโรคระบาดใหญ่ (PEPP) และอาจจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมซึ่งจะยิ่งทำให้สกุลเงินยูโรปรับตัวขึ้นได้ยาก สกุลเงินปอนด์วิ่งขึ้นได้หลังจากที่ตัวเลข PMI ภาคการผลิตของประเทศดีขึ้น คาดว่ารัฐบาลของสหราชอาณาจักรจะประกาศนโยบายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในเดือนนี้และนโยบายการเพิ่มงบประมาณในเดือนหน้า