เมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค. 20) ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้รายงานตัวเลขการใช้ จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลง US$ 1.89 ล้านล้าน (-13.6%) อยู่ที่ระดับ US$ 12.51 ล้านล้าน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และต่ำกว่าในเดือน ก่อนหน้าที่หดตัวลง 6.9% โดยเป็นการลดลงของการบริโภคสินค้าที่ระดับ US$ 0.74 ล้านล้าน และบริการที่ระดับ US$ 1.15 ล้านล้าน ซึ่งเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ใน สหรัฐ ทำให้ร้านค้าและโรงงานต่างๆต้องปิดดำเนินการ ทำให้มีผู้ตกงานจำนวนมาก และฉุดความต้องการในการใช้จ่ายลง
แต่ในขณะเดียวกันรายได้ส่วนบุคคลในเดือน เม.ย. กลับเพิ่มสูงขึ้นกว่า US$ 1.95 ล้านล้าน (+10.5%) และเป็นการปรับตัวสูงขึ้นเป็น ประวัติการณ์สวนทางกับรายจ่าย โดยรายได้ส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจาก สวัสดิการภาครัฐ (The CARES Act of 2020) ที่ให้เงินโดยตรงแก่ผู้ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่รายได้จากการทำงานปรับตัวลงลงกว่า US$ 0.87 ล้านล้าน ส่งผลให้โดยภาพรวมในเดือน เม.ย. personal saving ของสหรัฐ เพิ่มขึ้นที่ระดับ US$ 4.04ล้านล้าน (+33.0%)
ในเช้าวันนี้รายงานตัวเลขรายจ่ายการลงทุน (Capital Spending) ของญี่ปุ่นใน 1Q20 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.3% สูงกว่าไตรมาสก่อนที่หดตัวลง 3.5%,ดัชนีผู้จัดารฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของเวียดนามเดือนพ.ค. ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 42.7 และ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตของจีนจากสถาบัน Caixin เดือนพ.ค. อยู่ที่ระดับ 50.7 ซึ่งทำให้ประเทศจีนเป็นชาติเดียวที่มีPMI ภาคการผลิตที่กลับมาอยู่ในระดับการขยายตัวได้อีกครั้งหลังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลก
ในวันนี้แนะนำติดตามสถาการณ์การประท้วงประเด็นการแบ่งแยกสีผิวในสหรัฐซึ่งล่าสุด เริ่มรุนแรงขึ้นจนกระจายไปกว่า 50 เมืองในสหรัฐแล้ว ,ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการ ผลิตของสหรัฐเดือนพ.ค. โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 39.8
บทวิเคราะห์จาก Country Group Securities cgsec.co.th
ดูปฏิทินเศรษฐกิจ
https://th.investing.com/economic-calendar/