ดอลลาร์สหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้นเมื่อวานนี้เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ แต่การขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ไม่ได้โดดเด่นมากนักเพราะนักลงทุนยังเป็นกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ - จีน สถานการณ์อาจเลวร้ายลงไปมากกว่านี้อีกเมื่อมีข่าวว่าทรัมป์อนุญาตให้มีการขายอาวุธให้กับไต้หวันซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจีน นอกจากนี้ยังมีข่าวว่ารัฐสภาสหรัฐฯ เซ็นอนุมัติกฏหมายให้บริษัทสัญชาติจีนที่จะทำการค้าขายแลกเปลี่ยนกับสหรัฐฯ ต้องมีหลักฐานยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับรัฐบาลจีน
จากรายงานข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในรายการสำคัญๆ ต่างๆ ล่าสุดพบว่าดัชนีภาคการผลิตโดยธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟียเพิ่มขึ้นจาก -56.6 เป็น -43.1 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ -40 ดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก Markit เพิ่มขึ้นมายัง 39.8 ห่างจากตัวเลขคาดการณ์ 40 เพียงนิดเดียว อย่างไรก็ตามดัชนี PMI ภาคการบริการสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้โดยมีตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก 26.7 เป็น 36.9 รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงเล็กน้อยและต่ำกว่าที่คาดการณ์ ตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสองและดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อตัวเลขที่ลดลงจริงๆ น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ วันนี้สหรัฐฯ จะมีรายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่อาจจะไม่ออกมาดีมากแต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอาจทำให้กราฟ USD/JPY สามารถขึ้นยืนเหนือ 108 ได้
ดัชนี PMI ทั่วทั้งโลกปรับตัวสูงขึ้นจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ทั้งโลกเริ่มฟื้นตัวกลับมาซึ่งไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่เพราะในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเรายังอยู่ในสถานการณ์ที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจถูกระงับอยู่ ดังนั้นข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สามารถกลับมาได้ในเดือนพฤษภาคมย่อมมีนัยสำคัญหากตัวเลขนั้นกระโดดขึ้นมาเมื่อเทียบกับของเดือนเมษายน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเลข PMI ภาคการผลิตหรือข้อมูลเศรษฐกิจจาก Markit เหล่านี้แม้จะขึ้นน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้แต่ถือว่ามีความหมายมาก นักลงทุนจะรู้สึกโล่งใจเมื่อได้เห็นอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกลับมาในทางที่ถูกที่ควร ที่จริงแล้วตอนนี้ตัวเลขในภาคบริการฟื้นตัวเร็วกว่าภาคการผลิตเสียอีก
จากรายงานข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในรายการสำคัญๆ ต่างๆ ล่าสุดพบว่าดัชนีภาคการผลิตโดยธนาคารกลางรัฐฟิลาเดเฟียเพิ่มขึ้นจาก -56.6 เป็น -43.1 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์อยู่ที่ -40 ดัชนี PMI ภาคการผลิตจาก Markit เพิ่มขึ้นมายัง 39.8 ห่างจากตัวเลขคาดการณ์ 40 เพียงนิดเดียว อย่างไรก็ตามดัชนี PMI ภาคการบริการสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ไปได้โดยมีตัวเลขเพิ่มขึ้นจาก 26.7 เป็น 36.9 รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงเล็กน้อยและต่ำกว่าที่คาดการณ์ ตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยมือสองและดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อตัวเลขที่ลดลงจริงๆ น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ วันนี้สหรัฐฯ จะมีรายงานตัวเลขยอดขายที่อยู่อาศัยใหม่และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่อาจจะไม่ออกมาดีมากแต่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอาจทำให้กราฟ USD/JPY สามารถขึ้นยืนเหนือ 108 ได้
หลังจากที่รอคอยกันมาตลอดทั้งสัปดาห์ว่ากราฟ EUR/USD จะสามารถขึ้นแตะ 1.10 ได้หรือไม่และแล้วกราฟก็สามารถทำได้สำเร็จเมื่อคืนนี้เพราะดัชนี PMI ของยูโรโซนดีกว่าตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามหลังจากที่ขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ 1.1008 ได้ กราฟก็วิ่งกลับลงมาจากจุดสูงสุดนั้นทันที แม้เศรษฐกิจในยูโรโซนเริ่มจะฟื้นตัวแล้วแต่ก็เหมือนกับที่ต่างๆ ของโลกที่ภาคบริการกำลังฟื้นตัวกลับมาได้เร็วกว่าในภาคอื่นๆ ในขนาดที่ดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการในเดือนเมษายนของยูโรโซนกำลังฟื้นตัวแต่กลับพบว่า PMI ภาคการผลิตและบริการของเยอรมันปรับตัวขึ้นมาไม่ถึงตัวเลขคาดการณ์ โดยรวมแล้วทั่วโลกตอนนี้มีแต่ข่าวดีเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและนั่นคือสาเหตุว่าทำไมสกุลเงินหลักๆ ถึงปรับตัวสูงขึ้น
สหราชอาณาจักรในที่สุดก็มีข่าวดีกับคนอื่นบ้างเมื่อดัชนี PMI ภาคการผลิตและบริการสามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ได้ซึ่งช่วยดึงกราฟ GBP/USD ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปัญหาก็คือตัวเลขยอดขายปลีกของสหราชอาณาจักรที่พึ่งรายงานไปเมื่อช่วงบ่ายโมงพบว่ากลับมาได้เพียง -18.1% ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ถูกวางเอาไว้ที่ -16% นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเดือนเมษายนจะลดลงอีก 15% หลังจากถูกปรับลดลงมา 5% ในเดือนมีนาคม หากเป็นเช่นนั้นจริงจะกลายเป็นการปรับตัวลดลง 3 เดือนติดของตัวเลขการใช้จ่ายและคิดเป็นการปรับตัวลง 5 จาก 6 เดือนล่าสุดอีกด้วย
เฉพาะเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดก็สามารถอธิบายได้แล้วว่าทำไมสกุลเงินปอนด์ในช่วงนี้ถึงทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานนัก มีข่าวอย่างเป็นทางการออกมาจากสหราชอาณาจักรว่ามีความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยจะลงไปติดลบเมื่อผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งอังกฤษนายแอนดรูว์ ไบลีย์กล่าวว่า “ผมอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองทางเศรษฐกิจที่มีเล็กน้อยซึ่งนโยบายทางการเงินที่เหมาะสมทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้”
วันนี้สกุลเงินที่มูลค่าผูกติดอยู่กับสินค้าโภคภัณฑ์จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษเพราะจะมีรายงานตัวเลขยอดขายปลีกจากนิวซีแลนด์และแคนาดา ในสัปดาห์นี้ราคาน้ำมันดิบคือปัจจัยหลักที่เสริมให้สกุลเงินแคนาดาดอลลาร์ปรับตัวสูงขึ้นแต่รายงานตัวเลขยอดขายปลีกวันนี้คือความจริงที่แคนดาดอลลาร์ต้องรับไปคนเดียวเต็มๆ ว่าผลกระทบจากโควิด-19 ในเดือนมีนาคมร้ายแรงแค่ไหน เดือนที่แล้วเราได้ทราบข้อมูลตัวเลขยอดขายปลีกของเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งยังไม่มีผลกระทบอย่างสำคัญแต่อย่างใด แต่สำหรับของเดือนมีนาคมนั้นไม่เหมือนกันเพราะเราจะเริ่มเห็นผลกระทบนั่นเกิดขึ้นจากโควิด-19 แล้ว เชื่อว่าข้อมูลตัวเลขการใช้จ่ายของนิวซีแลนด์ในไตรมาสที่ 1 ก็จะลดลงเช่นกันเพราะเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองและการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางแห่งนิวซีแลนด์ (RBNZ) ที่เกิดขึ้นในช่วงนั้น