แม้จะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์แต่ผลกระทบและสถานการณ์ของโคโรนาไวรัส (COVID-19) ยังคงเป็นข่าวที่ทั่วโลกจับตามองและยังคงปกคลุมตลาดหุ้นทั่วทั้งโลก เชื่อว่าในทันทีที่ตลาดหลักทรัพย์หลักๆ ทั่วโลกเปิดให้บริการในวันจันทร์มีความเป็นไปได้มากว่าหุ้นจะปรับตัวลดลงอีกเพราะตอนนี้การแพร่ระบาดเริ่มไม่ได้อยู่ที่ประเทศจีนเท่านั้นแล้ว
ข้อมูลอัปเดตล่าสุดในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นเป็น 78,000 รายแล้วซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดยังคงเป็นประเทศจีนส่วนยอดผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 2,400 ราย ตอนนี้การแพร่ระบาดเริ่มเกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศอย่างเช่นเกาหลีใต้ อิหร่านและอิตาลีซึ่งในสองประเทศหลังสุดมีกรณีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 18 รายและเสียชีวิตไปแล้ว 4 รายในช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมา
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลงมากกว่า 227 จุดหรือคิดเป็น 0.78% จากความกดดันของการแพร่ขยายไวรัสโคโรนา แม้สหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาจะขึ้นชื่อว่าแข็งแกร่งมากกับการต้านทานไวรัสโคโรนาแต่ความกดดันนี้ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นในหมู่นักลงทุนเพราะกลัวว่าสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบแบบตรงๆ เข้าสักวัน
ถึงจะอยู่ท่ามกลางความวิตกกังวลแต่เราก็สามารถหาข้อมูลของหุ้น 3 ตัวที่จะรายงานผลประกอบการในช่วงสัปดาห์นี้ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะสามารถปรับตัวสูงขึ้น
1. Home Depot
บริษัทผู้เป็นร้านค้าขนาดใหญ่สัญชาติอเมริกันที่ขายวัสดุปรับปรุงบ้าน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า, วัสดุก่อสร้าง, เครื่องมือทำสวน การทำพื้น ฯลฯ อย่าง Home Depot (NYSE:HD) จะรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์นี้ก่อนตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิด คาดว่า Home Depot จะสามารถทำกำไรได้ทั้งหมดในไตรมาสนี้อยู่ที่ $2,570 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขกำไรปันผลต่อหุ้นอยู่ที่ $2.11
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้นของ Home Depot มีราคาปิดอยู่ที่ $245.34 คิดเป็นการปรับตัวขึ้นมาตลอดปี 2020 อยู่ที่ 12% แม้ว่าจะต้องเผชิญมรสุมไวรัสโคโรนาแต่ก็ยังทำผลงานได้ดีเพราะนักลงทุนคาดหวังให้บริษัทสามารถกลับมาทำยอดขายเติบโตได้ดีอีกครั้ง
แม้การเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดของ Home Depot ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตและได้ประโยชน์จากการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า แต่ในไตรมาสที่ 3 บริษัทกลับต้องเผชิญข่าวร้ายเมื่อตัวเลขการเติบโตไม่สามารถไปได้ถึงตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์และบริษัทได้ลดภาพรวมตัวเลขอัตราการเติบโตรายปีของบริษัทลงมาเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือน
2. Saleforce.com
Saleforce (NYSE:CRM) เป็นบริษัทผู้สร้างแพลตฟอร์มและซอฟท์แวร์การจัดการลูกค้าสัมพันธ์บนระบบคลาวด์จะรายงานผลประกอบการในวันและเวลาเดียวกันกับ Home Depot คาดว่า Saleforce จะทำกำไรรวมได้ทั้งหมด $470 ล้านเหรียญสหรัฐและมีจะสามารถปันผลกำไรต่อหุ้นได้ $0.56 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหุ้น Saleforce มีราคาปิดอยู่ที่ $189.50 คิดเป็นการปรับตัวขึ้นมามากกว่า 17%
หุ้นของบริษัทสามารถปรับตัวขึ้นมาได้เพราะตลาดมีมุมมองที่ดีขึ้นกับภาพรวมของ Saleforce ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อเดือนมกราคมบริษัทผู้จัดการกองทุน RBC Capital Markets ได้ปรับยกระดับความน่าซื้อของหุ้น Saleforce.com ขึ้นไปอยู่ในระดับ “หุ้นน่าลงทุน” นายอเล็กซ์ ซูคิน (Alex Zukin) วิเคราะห์ว่า “คาดว่า Saleforce จะมีอัตราการเติบโตทางผลกำไรในแต่ละปีเพิ่มขึ้น 20% และจะเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปี 2024 หุ้น Saleforce ถือเป็นหุ้นที่โดดเด่นมากในเชิงกลยุทธ์”
หนึ่งในสาเหตุหลักที่เป็นแรงผลักให้หุ้น Saleforce ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อปีที่แล้วได้คือการควบรวมบริษัทผู้ผลิตซอฟท์แวร์ “Tableau Software” ที่มีมูลค่า $1,530 ล้านเหรียญสหรัฐซึ่งการโอนหุ้นทั้งหมดถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของบริษัทในแง่ของการทำธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดตลอดกาลเพื่อขยายธุรกิจ
Saleforce.com เคยกล่าวว่าการควบรวมบริษัทเป็นไปเพื่อเพิ่มยอดขายและปรับปรุงคุณภาพการพัฒนาซอฟท์แวร์ให้มีความสามารถทางการแข่งขันมากพอที่จะต่อกรกับบริษัทคู่แข่งอื่นที่อยู่ในธุรกิจเดียวกันได้อย่างเช่น Microsoft (NASDAQ:MSFT) และ Oracle (NYSE:ORCL) ซึ่งทั้งสองบริษัทถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญ
3. Beyond Meat
บริษัทแบรนด์มังสวิรัติผู้คิดนอกกรอบเจาะตลาดผู้บริโภคเนื้อสัตว์อย่าง Beyond Meat (NASDAQ:BYND) จะรายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ปี 2019 ในวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์นี้หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด ราคาปิดล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาของหุ้น Beyond Meat อยู่ที่ $117.45 คิดเป็นการปรับตัวขึ้นมาตลอดทั้งปีอยู่ที่ 55%
บริษัทกำลังพัฒนาโปรโมชั่นและผลิตภัณฑ์ใหม่โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายตลาดและต่อยอดอัตราการเติบโตที่บริษัทได้รับมาจากปีที่แล้วจากการขายผลิตภัณฑ์ในร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อ ปัจจุบัน Beyond Meat เป็นพันธมิตรกับ Carl’s Jr., Hardee’s และ Dunkin’ Donuts ในสหรัฐฯ และล่าสุดก็พึ่งประกาศการเป็นพันธมิตรกับบริษัท Subway ในแคนาดาเพื่อขยายช่องทางการขายสินค้าให้ไปได้ไกลยิ่งขึ้น
แม้ว่าหุ้น BYND จะทะยานขึ้นหลังจากที่บริษัทเปิดให้มีการทำ IPO เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมปี 2019 จนหุ้นของบริษัทสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดได้ที่ $239.71 ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม แต่บริษัทก็ยังมีคู่แข่งคนสำคัญและน่ากลัวอยู่ด้วยไม่ว่าจะเป็น Tyson (NYSE:TSN), Smithfield Foods (OTC:WHGLY), Nestle (OTC:NSRGY) และ Kellogg (NYSE:K) ซึ่งบางบริษัทเป็นใหญ่อยู่แล้วในวงการค้าเนื้อและบางบริษัทก็กำลังวางแผนที่จะเข้ามาเล่นในตลาดนี้จึงทำให้อนาคตของ Beyond Meat ค่อนข้างจะคลุมเครือ