โดย Kathy Lien กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์ฟอเร็กซ์จาก BK Asset Management
ภาพรวมตลาดฟอเร็กซ์ประจำวันที่ 17 กรกฎาคม 2019
ดอลลาร์สหรัฐ ในวันพุธมีซื้อขายกันในระดับที่ต่ำลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ เนื่องจากดอกเบี้ยพันธบัตรเริ่มปรับลดลง การปรับลงนี้ทำให้ดอลลาร์ นิวซีแลนด์ ได้รับประโยชน์มากที่สุด โดยสามารถปรับขึ้นไปแข็งค่าที่สุดได้ในรอบ 3 เดือน สเตอร์ลิง นั้นกลับร่วงลงไปอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ในช่วงที่ตลาดยุโรปฟื้นตัวได้อย่างแข็งแรง ตลาดหุ้นนิวยอร์คก็ปิดวันอยู่ในแดนบวกได้เช่นกัน ปริมาณการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ และ การอนุญาตก่อสร้างอาคาร ลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่การเทขายดอลลาร์นั้นไม่ได้เกิดขึ้นในช่วงก่อนเปิดตลาดแต่อย่างใด ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เริ่มมีการปรับลดลงตามค่าเงินดอลลาร์ รายงานสรุปความเห็นเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจ ของธนาคารกลางไม่ได้ส่งผลเสียใดๆ กับสภาพตลาดเนื่องจากเป็นการรายงานว่าจะมีการขยายตัวเล็กน้อยโดยแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งตัวเลขที่ประเมินส่วนใหญ่ก็เป็นด้านบวก ธนาคารกลางกล่าวว่าอุตสาหกรรมการผลิตยังคงที่แต่มีบางพื้นที่ที่รายงานว่ามีสถานะดีขึ้น ปริมาณการจ้างงานชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ธนาคารกลางก็คาดการณ์ว่าจะดีขึ้นในอนาคต ปัญหาหลักในช่วงนี้เกิดจากความกังวลในเรื่องความไม่แน่นอนทางการค้า การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับความคิดเห็นส่วนใหญ่ของธนาคารกลางและไม่มีผลใดๆ กับดอลลาร์ แต่สิ่งที่ส่งผลต่อเงินดอลลาร์คืออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรและตลาดหลักทรัพย์ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหลักในการกำหนดทิศทางของดอลลาร์ต่อไปในสัปดาห์นี้ ผลสำรวจตัวเลขทางเศรษฐกิจของธนาคารกลางฟิลาเดลเฟียในวันพฤหัสบดีนี้น่าจะออกมาดี เนื่องจาก อุตหสาหกรรมการผลิต ในนิวยอร์คดีขึ้น
ด้านการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนยังคงไม่มีความคืบหน้าใดๆ และประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยังไม่ค่อยพอใจนัก ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่าหนทางในการเจรจาครั้งนี้ยังอีกยาวไกลกว่าที่จะสามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ และหากจีนไม่ได้คิดเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ เขาก็อาจนำมาตรการทางภาษีในครั้งล่าสุดกลับมาใช้กับจีนอีกครั้งก็ได้ และแม้ว่าจีนจะต้องการให้สหรัฐฯ ยกเลิกการใช้มาตรการทางภาษีดังกล่าวแต่ก็ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจีนจะยอมอ่อนข้อให้กับสหรัฐฯ ได้มากเพียงใด ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้เข้าร่วมการเจรจาในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย และหลายฝ่ายต่างก็เห็นว่าท่าทีที่แข็งกร้าวของเขานั้นทำให้การเจรจาข้อตกลงเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น นายจงซาน รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า “สหรัฐฯ เป็นผู้เริ่มต้นข้อพิพาททางด้านเศรษฐกิจและการค้านี้กับเราโดยละเมิดหลักการพื้นฐานขององค์กรการค้าโลก ซึ่งเป็นตัวอย่างดั้งเดิมของระบอบเอกภาคนิยมและลัทธิคุ้มครองการค้า เราจะยังยืนหยัดเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนชาวจีน รวมทั้งระบบการค้าแบบพหุภาคีไว้ให้ได้”
AUD และ NZD ได้รับแรงหนุนจากข่าวดังกล่าว จึงทำให้ NZD สามารถปรับตัวขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในรอบ 3 เดือนได้ แต่หากการเจรจาทางการค้าเริ่มส่อแววไม่ดี สกุลเงินทั้งคู่ก็จะได้รับผลกระทบในทางลบเช่นกัน NZD ยังคงทำผลงานได้ดีกว่าสกุลเงินเพื่อนบ้านเนื่องจากตัวเลข ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ยังดีกว่าที่คาด รวมทั้ง ราคาผลิตภัณฑ์จากนม ยังคงปรับตัวสูงขึ้น ส่วน ตัวเลขตลาดแรงงาน ของออสเตรเลียมีกำหนดที่จะประกาศออกมาให้ทราบช่วงคืนวันพุธ ซึ่งมีโอกาสที่ปริมาณการจ้างงานจะเกิดการชะลอตัวตามดัชนี PMI, ปริมาณการจ้างงานในภาค อุตสาหกรรมการผลิต และภาค บริการ ที่ชะลอตัวในเดือนมิถุนายนได้เช่นกัน ขณะนี้ AUD/USD ยังคงอยู่ที่ส่วนปลายของกราฟและพร้อมที่จะกลับตัวลงสู่ระดับ .6950 ได้อย่างง่ายดาย หากตัวเลขในตลาดแรงงานออกมาไม่ดีพอ
ดอลลาร์แคนาดา ยังคงขยับตัวขึ้นได้แม้ว่าจะมีข้อมูลทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก ถึงแม้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค จะลดต่ำกว่าที่คาดไว้ในเดือนมิถุนายน การลดลง -0.2% นี้ก็เป็นเพียงการลดลงครั้งแรกในรอบปี ซึ่งเมื่อพิจารณา เทียบกับปีที่แล้ว จะพบว่าลดลงจาก 2.4% เป็น 2% ซึ่งเป็นการปรับลดในส่วนของราคาและบริการอินเทอร์เน็ต อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงก็เป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนมาใช้นโยบายทางการเงินแบบผ่อนปรนในเดือนนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยใดก็ไม่สามารถทำอะไรกับดอลลาร์แคนาดาได้ การปรับตัวลดลงของ ราคาน้ำมัน ต่อเนื่องเป็นวันที่ห้าอาจทำให้ USD/CAD ลงไปถึงจุดต่ำสุดได้ในอีกไม่นานนี้ เนื่องจากแรงกดดันที่ ดอลลาร์สหรัฐ กำลังได้รับในขณะนี้ด้วย
ยูโร แข็งค่าขึ้นได้หลังจาก ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ ที่รายงานออกมามีค่าดีขึ้น แต่ข้อมูลทางฝั่งของสหราชอาณาจักรยังคงไม่ชัดเจน แรงกดดันทางด้านเงินเฟ้อ ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนมิถุนายน ทำให้อัตราเงินเฟ้อเมื่อ เทียบกับปีที่ผ่านมา คงที่อยู่ที่ระดับ 2% บอริส ชลอสเบิร์ก เพื่อนร่วมงานของเรากล่าวว่า “รายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อโดยรวมของสหราชอาณาจักรยังคงที่ จึงทำให้ธนาคารกลางอังกฤษยังไม่ต้องดำเนินการใดๆ ปัจจุบันปัจจัยสำคัญยังน่าจะอยู่ที่เรื่องของการเมือง รวมหลังจากที่ได้เกิดการสร้างวาทกรรมรุนแรงของพรรคอนุรักษ์นิยมในเรื่อง Brexit ไปแล้วนั้น ตลาดและนักลงทุนก็เริ่มตั้งหลักเพื่อรอดูท่าทีที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เปลี่ยนแปลงผู้นำของอังกฤษและเบลเยี่ยมเรียบร้อยแล้วอีกครั้ง”