สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย ราคาทองคําจะร่วงลงไปก่อน ทดสอบระดับต่ําสุดบริเวณ 1,836.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดย ได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่พุ่งขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 สัปดาห์ที่ 3.064% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคําในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย อย่างไรดี ราคาทองคําค่อยๆฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทางเทคนิค หลังจากราคาปรับตัวลงจนเข้าสู่ภาวะชายมากเกินไป(Oversold) ประกอบกับดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง จากแรงขายสกุลเงินปลผิดภัยเพื่อเข้าซื้อสกุลเงินเสี่ยง โดยเฉพาะดอลลาร์ออสเตรเลียที่ได้รับแรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติปรับ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 0.85% ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อปอนด์ หลังจากนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ รอดพ้นมติไม่ไว้วางใจใน พรรคอนุรักษ์นิยมอีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าว กดดันดัชนีดอลลาร์ให้ร่วงลงจนเป็นปัจจัยหนุนทองคํา ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงจากระดับสูงสุดเช่นกัน หลังจาก Target Corp. ระบุถึงสินค้าคงคลังส่วนเกิน และกล่าวว่าจะลดราคาสินค้าเพื่อระบายสินค้าคงคลัง ซึ่งกระตุ้นคาดการณ์อัตราเงินเฟ้ออาจพ้นจุดพีคไปแล้ว ปัจจัยที่กล่าวมาช่วยหนุนให้ ราคาทองคําปรับตัวเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,855.43 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SFOR ถือครองทองคําไม่เปลี่ยนแปลง สําหรับวันนี้ ติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบาย การเงิน (กนง.)ของไทย คาดจะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% และติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งของสหรัฐ
หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,857 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้(ระดับสูงสุดของสัปดาห์นี้) หลังจากราคาฟื้นตัวขึ้นช่วงสั้นจึงมีแรงขายออกมา อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลง โดยประเมินแนวรับ บริเวณที่ 1,836-1,827 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากสามารถยืนเหนือโซนแนวรับดังกล่าวได้ก็จะเห็นการดีดตัวขึ้นระยะสั้นอีกครั้ง
คําแนะนํา เปิดสถานะซื้อ $1,839-1,827
จุดทํากําไร ขายเพื่อทํากําไร $1,857-1,863
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,827
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ 02-687-9888 กด 1 หรือเว็บไซต์ ylgbullion.co.th