ธนาคารกลางของญี่ปุ่นได้ ประกาศนโยบายการเงิน ออกมาเมื่อคืนวานนี้ โดยจะยังคงใช้นโยบายการเงินแบบ คงที่ ส่วนก่อนหน้านั้นธนาคารกลางยุโรป (ECB) ก็มี แถลงการณ์ ออกมาเมื่อเดือนที่แล้วว่ายังมีมาตรการที่เตรียมนำออกมาใช้ได้อีกมาก โอกาสที่จะกลับมาใช้นโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยจึงน่าจะเกิดขึ้นได้อีกครั้ง
เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ก็ยังมีท่าทีประนีประนอมกว่าที่คาดไว้เช่นกัน โดยมีจำนวนคณะกรรมการจำนวน 8 คนจากทั้งหมด 17 คนที่ คาดการณ์ ว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงการให้กู้ยืมข้ามคืนลง 0.5 จุดเปอร์เซ็นต์ในช่วงปีนี้ นักลงทุนในตลาดซื้อขายดอกเบี้ยอ้างอิงล่วงหน้าก็เริ่มมีความเชื่อมั่นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ภายในเดือนกรกฎาคมอย่างแน่นอน
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลทางเทคนิคจะเห็นว่าเงินเยนญี่ปุ่นกำลังประสบความเสี่ยงที่จะ แข็งค่าขึ้น
USD/JPY ได้ ทะลุกรอบแนวรับ ลงมาหลังจากที่ทำรูปแบบธงขาขึ้นได้สมบูรณ์แล้ว โดยมีช่วงที่เกิดการปรับตัวลดลง 1.8% อย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 2 วันก่อนหน้านี้เป็นเสาธงนั่นเอง
ราคาที่ปรับลดลงจึงดึงเส้น 50 DMA ลงไปต่ำกว่าเส้น 100 DMA ทำให้ราคาในเส้นเฉลี่ยระยะยาวอ่อนแรงลงไปตามด้วย ก่อนหน้านั้น เส้น 50 DMA มีแนวต้านเป็นเส้น 200 DMA ในขณะที่เริ่มมีการซื้อขายกันในกรอบขาลง จะเห็นว่ามีการสลับซื้อขายกันอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างชัดเจน กรอบการซื้อขายนี้ทำให้เกิดรูปแบบการกลับตัวแบบ double top ในวันที่ 13 พฤษภาคม ซึ่งได้ทดสอบสำเร็จไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม
การที่เกิดรูปธงขึ้นได้นั้นเกิดจากการที่นักลงทุนมีการพักตัวหลังจากที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงเกิดขึ้น ประกอบกับอาจมีความกังวลในด้านอื่นๆ ร่วมด้วย ส่วนชายธงขาขึ้นนั้นเกิดจากการที่มีกำลังซื้อเข้ามาค่อนข้างมากในระดับราคานั้นจนกระทั่งกำลังในการขายซาไป
การที่ราคาทะลุกรอบแนวรับลงมานั้นแสดงว่าผู้ขายกำลังพยายามลดราคาลงเพื่อรอผู้ที่ต้องการซื้อ การปรับตัวลงนี้ส่งสัญญาณให้ตลาดต้องวิเคราะห์มูลค่าของสกุลเงินคู่นี้อีกครั้ง และเมื่อพบว่ามีมูลค่าสูงเกินจริงจึงต้องปรับตัวลงมาอีกครั้ง
กลยุทธ์การซื้อขาย
นักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ควรรอให้ราคาไปปิดต่ำกว่าค่า trough ของเดือนมกราคม จากนั้นรอให้เกิดการกลับตัวไปทดสอบแนวต้านก่อน โดยสังเกตจากแท่งเทียนสีแดงที่ยาวกว่าแท่งสีเขียวหรือแท่งเล็กๆ สีใดก็ได้
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง อาจพอใจกับระดับราคาปิดที่ต่ำกว่าจุดต่ำสุดของธงที่ 197.83 ซึ่งชี้ว่าแรงซื้อน่าจะหมดลงแล้ว จากนั้นอาจรอให้เกิดการกลับตัวให้ได้ราคาเข้าที่ดีกว่าเดิมเล็กน้อย แต่อาจไม่จำเป็นต้องรอให้เกิดการทำรูปแบบกลับตัวอย่างสมบูรณ์ก็ได้
นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง อาจเปิดสถานะ short ได้ตามความเหมาะสม โดยขึ้นอยู่กับว่าจะทนทานต่อการพลิกผันของราคาได้มากเพียงใด
ตัวอย่างการซื้อขาย
-
ราคาเข้า: 108.00
-
Stop-Loss: 108.50
-
ความเสี่ยง: 50 pips
-
เป้าหมาย: 106.50
-
ผลตอบแทน: 150 pips
-
อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:3