ธุรกิจปิโตรเคมีหนุนกำไรไทยออยล์ จำกัด (BK:TOP) 1Q64 ฟื้นตัว
-
เราคาดว่าผลประกอบการ 1Q64 จะพลิกกลับมาเป็นกำไร หลังผลกระทบ ของ Stock Loss ลดลง
-
ธุรกิจปิโตรเคมี มีส่วนต่างราคาที่แข็งแกร่ง เพียงพอชดเชยค่าการกลั่นที่ อ่อนแอจากผลของ Crude Premium ที่ปรับเพิ่ม
-
คาด 1Q64 จะมี Stock Gain จากราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม เพียงพอชดเชย ผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
-
แนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปี 2564 ยังมีความไม่แน่นอนสูง
-
ยังคงแนะนํา “ซื้อ” จาก Valuation และการคาดหมายผลประกอบการ 1Q64 ที่แข็งแกร่ง
คาดกําไรสุทธิ 1Q64 พลิกกลับมาเป็นกําไร เราคาดว่าบริษัทจะมีกําไรสุทธิ 1064 อยู่ที่ 3,180 ล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน 1.38 หมื่นล้านบาท ในช่วง 1Q63 จากผลกระทบของ Stock Loss ที่ลดลง แต่ลดลง 569%QoQ เนื่องจากไม่มีการรับรู้กําไรจากการขาย GPSC ที่รับรู้ใน 4Q63 จํานวนกว่า 5.8 พันล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการได้รับปัจจัยบวกจากธุรกิจปิโตร เคมีที่ฟื้นตัว ชุดเซยธุรกิจการกลั่นที่ยังคงมีค่าการกลั่นที่อ่อนแอ โดยภาพรวมผลประกอบการ 1064 มี รายละเอียดดังนี้
(1) ธุรกิจการกลั่น Product Spread ในกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักปรับเพิ่มขึ้น สะท้อนจาก Singapore GRAM ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.79 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ถูกลดทอดลงด้วย Crude Premium ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ Murban Crude Premium ที่พลิกจาก Discount 0.37 เหรียญ เป็น Premium 0.77 เหรียญ (สัดส่วนการใช้ Muban อยู่ที่ 30% ใน 1Q64) รวมทั้งผลกระทบจาก Fuel Loss ที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่ม ทําให้ภาพรวมค่าการกลั่น 1Q64 คาดว่าจะอยู่ที่ 0.85 เหรียญต่อบาร์เรส ลดลงเมื่อเทียบกับ 12 เหรียญต่อบาร์เรล ใน 4Q63 ที่ผ่านมา
(2) ธุรกิจอะโรเมติกส์ ได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาพาราไซลีนและเบนจีน ที่เพิ่มขึ้น 336QO และ 5996QoQ ทําให้เราคาดว่าส่วนต่างราคาอะโรเมติกส์ (P2P) อยู่ที่ 1.15 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 0.8 เหรียญต่อบาร์เรล ใน 4Q63 ขณะที่ส่วนต่างราคา LAB ยังคงทรงตัวอยู่ที่ 0.6
เหรียญต่อบาร์เรล
(3) ธุรกิจน้ํามันหล่อลื่น ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปรับเพิ่มกว่า 6596QoQ จากผลของอุปทานที่ตั้งตัวหลังโรงงานหลายแห่งในภูมิภาคลดการผลิต รวมทั้งหยุดซ่อมตามแผน ทําให้เราคาดว่าส่วนต่าง ราคา Lube Base ใน 1Q64 จะอยู่ที่ 1.6 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจาก 0.8 เหรียญต่อบาร์เรลใน 4Q63 ที่ผ่านมา
ทําให้เราคาดว่าบริษัทจะมี Market GIM อยู่ที่ 4.2 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นทั้ง QoQ และ YoY ขณะที่ผล ของกราคาน้ํามันดิบที่ปรับเพิ่มในช่วง 1064 ทําให้เราคาดว่าบริษัทจะรับรู้Stock Gain มากถึง 4.8 พันล้าน บาท แต่จะถูกลดทอนจากผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.6 พันล้านบาท ตามทิศทางของค่าเงินบาทที่อ่อนค่า
คาดแนวโน้มกําไรสุทธิ 2Q64 อ่อนตัว
หากผลประกอบการ 1064 เป็นไปตามที่เราคาด จะคิดเป็น 62% ของประมาณการณ์กําไรสุทธิปี 2564 ที่ เราประเมินไว้ที่ 5.14 พันล้านบาท พลิกจากผลขาดทุน 33 พันล้านบาท ในปี 2563 ที่ผ่านมา เรามองว่า ผลประกอบการปี 2564 ยังคงเป็นปีที่มีความผันผวนสูง โดยแนวโน้มผลประกอบการ 2064 มีปัจจัยกดดัน จาก Crude Premium ที่ปรับเพิ่มต่อเนื่อง กดดันการฟื้นตัวของค่าการกลั่น แม้จะมีปัจจัยบวกจาก Seasornia, Dermand ในสหรัฐฯ รวมไปถึง Upside ของราคาน้ํามันดิบที่เริ่มจําากัด จะทําให้การรับรู้ Stock Gain ใน 2Q60 ลดลง Q60 ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ ZH64 ยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะจาก สถานการณ์โควิด-19 รวมไปถึงการดําเนินการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ทั้งในและต่างประเทศ เป็นปัจจัยจํากัดการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และความต้องการใช้ปิโตเลียมและปิโตรเคมี
ผลประกอบการ ที่แข็งแกร่ง ทําให้ TOP ยังคงน่าสนใจ
ราคาหุ้นปรับลดลงกว่า 116 ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา หลังราคาหุ้นปรับขึ้นไปสะท้อนราคาเป้าหมายที่เรา ประเมินไว้ที่ 68 บาทรวมไปถึงสถท้อนความกังวลต่อแผนการลงทุนในอนาคตของบริษัท ซึ่งยังต้องติดตาม รายละเอียดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามระยะสั้นเราเชื่อว่าราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกจากแนวโน้มผล ประกอบการ 1064 ที่แข็งแกร่ง ทําให้เรายังคงแนะนํา “ซื้อ”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities