InfoQuest - นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้ อยู่ที่ระดับ 34.84 บาท/ดอลลาร์ ทรง ตัวจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 34.84 บาท/ดอลลาร์ ระหว่างวันเคลื่อนไหวในกรอบ 34.81-34.88 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทตลอดทั้งวันนี้ยังเป็น sideway เนื่อง จากไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามามีผลต่อทิศทางค่าเงิน เช่นเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาคที่ยังไร้ทิศทาง ปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสำคัญ คือ รอดูถ้อยแถลงนโยบายการเงินรอบครึ่งปี ของนายเจอโรม พาวเวล ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐในคืนนี้ ขณะเดียวกัน ต้องติดตามการออกมาให้ความเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟด ถึงมุมมองที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ นักบริหารเงิน คาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 34.70-34.95 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยนอยู่ที่ระดับ 141.89 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 141.59 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0918 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0916 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,522.12 จุด ลดลง 15.47 จุด (-1.01%) มูลค่าการซื้อขาย 43,091 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 3,529.54 ลบ.(SET+MAI) - กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คาดว่าในสัปดาห์นี้ (19-25 มิ.ย.) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้า ไทย จะมียอดสะสมเกิน 12 ล้านคน สูงสุดในรอบ 3 ปีนับตั้งแต่ปี 63 โดยข้อมูลล่าสุดตั้งแต่ 1 ม.ค.-18 มิ.ย.66 พบว่ามีนักท่อง เที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยแล้ว 11.89 ล้านคน และเฉพาะในเดือน มิ.ย.66 คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตามเป้า หมายที่ 2.17 ล้านคน ขณะที่ทั้งปี 66 ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยไม่ต่ำกว่า 25 ล้านคน - สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า หนี้สาธารณะของอังกฤษ พุ่งทะลุ 100% ของ GDP เนื่องจากมี การกู้ยืมเงินสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยหนี้สาธารณะของอังกฤษ ซึ่งไม่นับรวมธนาคารที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล อยู่ที่ระดับ 2.567 ล้านล้านปอนด์ (3.28 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) คิดเป็นสัดส่วน 100.1% ของ GDP - สหรัฐฯ มีแผนจะประกาศการคว่ำบาตรรอบใหม่ กับธนาคารการค้าต่างประเทศของเมียนมา (MFTB) และธนาคาร เพื่อการลงทุนและการพาณิชย์เมียนมาอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ (21 มิ.ย.) ขณะที่โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา ระบุว่า ทางการเมียนมา ไม่กังวลกับการคว่ำบาตรใดๆ เพราะเคยเผชิญกับเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว - ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมของเดือนเม.ย.66 โดยระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายของ BOJ ตกลงที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้ต่ำเป็นพิเศษต่อไป แม้ญี่ปุ่นจะขยับเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% แต่กรรมการ BOJ ยังคงเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษต่อไป เนื่องจากเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มค่าแรงยังมี ความไม่แน่นอน - สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและเทคโนโลยี (ETRI) คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันดิบในจีนจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.5% สู่ระดับ 740 ล้านตันในปี 2566 ซึ่งน้อยกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมี.ค. โดยปัจจัยที่ทำให้ต้องปรับลดคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันดิบลง เป็น เพราะเศรษฐกิจจีนขยายตัวได้ช้ากว่าที่คาด - ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานราย สัปดาห์, ดุลบัญชีเดินสะพัด ไตรมาส 1/2566, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่าย จัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นต้น เดือนมิ.ย.