ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเว็บบราวเซอร์ระดับโลกอย่าง Google (NASDAQ:GOOGL) Chrome นั้นดูเหมือนว่าจะเป็นผู้นำในวงการนี้มาโดยตลอด โดยมีผู้ใช้งานนับพันล้านคนทั่วโลกในขณะนี้ โดยคู่แข่งหลัก ๆ ของ Chrome นั้นก็คือ Safari ของ Apple (NASDAQ:AAPL), Edge ของ Microsoft, Firefox ของ Mizilla และดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านี้จะไม่สามารถชักจูงผู้ใช้งานออกไปจาก Chrome ได้มากนัก แต่ทว่าล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ดูเหมือนว่าความต้องการในการเป็นส่วนตัวในการใช้งานอินเทอร์เน็ตนั้นกำลังเริ่มที่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เมื่อไม่นานมานี้เราได้เห็นคู่แข่งใหม่ที่ออกมาท้าชิงบัลลังก์ของ Chrome ซึ่งนั่นก็คือบราวเซอร์ที่เน้นด้านความเป็นส่วนตัวอย่าง Brave โดยพวกเขาสามารถที่จะแย่งลูกค้าไปจาก Chrome, FireFox และ Safari ได้ราว ๆ 20 ล้านคนแล้ว โดยคิดเป็นประมาณ 130% จากในระยะเวลาเพียงแค่ 1 ปี อะไรเป็นสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังของความสำเร็จนี้? “ผู้ใช้งานนั้นกำลังเบื่อหน่ายกับการติดตามสอดส่องการใช้งานทุกฝีก้าวจากโมเดลทุนนิยมเหล่นั้น และผู้คนนับ 20 ล้านคนก็ได้เปลี่ยนมาใช้ Brave ด้วยสาเหตุจากระบบ web ecosystem ที่อยู่ในรูปแบบใหม่ โดยจะมีระบบโฆษณาที่ให้พวกเขาสามารถเลือกชมได้ด้วยตัวเอง และนั่นทำให้อำนาจในการเข้าชมเว็บของพวกเขายังคงอยู่กับพวกเขาอย่างแท้จริง” กล่าวโดยนาย Brendan Eich ผู้ร่วมก่อตั้ง Brave เว็บบราวเซอร์ Brave นั้นเคลมว่าพวกเขาช่วยบล็อกโฆษณาและระบบแอบติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานทุกฝีก้าวแบบเปิดมาแล้วเป็นค่าตั้งต้น โดยระบบที่ว่านี้มีชื่อว่า Brave Shields และสามารถที่จะปิดกั้นโฆษณาของบุคคลที่สาม, ตัวแอบดักฟังผู้ใช้งาน, ระบบเล่นวีดีโออัตโนมัติ และรวมถึงอุปกรณ์สแกนลายนิวมืออีกด้วย ปัจจุบันบราวเซอร์ Brave นั้นมียอดผู้ใช้งานทั้งหมด 20.5 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นจาก 8.7 ล้านคนจากเดือนพฤศจิกายน 2019 ที่ผ่านมา และมีผู้ใช้งานแบบประจำทุกวันอยู่ที่ 7 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 3 ล้านคนจาก 12 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ตัวเลขของผู้สร้างคอนเท้นบน Brave รวมถึงนักทำ YouTube อย่างนาย Philip DeFranco นั้นก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านรายแล้ว จาก 300,000 รายเมื่อปีที่ผ่านมา
กดอ่านข่าว ผู้ใช้งาน Chrome หลายล้านรายกำลังเปลี่ยนมาใช้บราวเซอร์ที่ Block โฆษณาและแจกเงินให้ฟรี ๆ ตัวนี้ ต่อที่ Siam Blockchain