โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนในวันอังคารที่ 31 มีนาคมมีดังต่อไปนี้
1. มาตรการเฟส 4 ของสหรัฐกำลังจะมา
รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสกำลังอยู่ในระหว่างการหารือเกี่ยวกับการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 'เฟส 4' เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามอนุมัติมาตรการเฟส 3 ที่มีมูลค่า 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า คณะรัฐบาลจากทำเนียบขาวได้รวบรวมรายการคำขอความช่วยเหลือทางการเงินจากหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ที่รวมเป็นมูลค่า 6 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยโฆษกประจำสภาสหรัฐ แนนซี เพโลซี ได้ให้สัมภาษณ์ว่า มาตรการครั้งต่อไปอาจมุ่งเป้าให้ความช่วยเหลือหน่วยงานรัฐท้องถิ่นมากขึ้น รวมทั้งการแจกจ่ายเงินโดยตรงให้กับครัวเรือนภายในประเทศอีกด้วย
ทางด้านยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐก็เตรียมพุ่งแซงยุโรปในไม่ช้า โดยอ้างอิงจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันขณะนี้อยู่ที่ 164,610 รายและมียอดผู้เสียชีวิต 3,170 ราย ซึ่งภายในรัฐนิวยอร์กเพียงรัฐเดียวก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อถึง 67,000 รายและมีผู้เสียชีวิตถึง 1,342 รายแล้ว
2. WHO เชื่อว่าภาวะการระบาดในยุโรปใกล้ถึงจุดสูงสุด
องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในยุโรปอาจถึงจุดสูงสุดในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตก็ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสเปน ฝรั่งเศส และอิตาลี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในอิตาลีจะเริ่มชะลอตัวลงแล้วก็ตาม
ผลกระทบจากการระบาดได้ปรากฎอย่างชัดเจนในข้อมูลทางเศรษฐกิจของยุโรป โดยอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนประจำเดือนมีนาคมลดลงมาเหลือ 0.7% จากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ 1.2% ด้วยสาเหตุหลักจากราคาน้ำมันที่ลดลง
ทว่าหายนะในตลาดแรงงานอาจปรากฎอย่างชัดเจนมากขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากอัตราการว่างงานล่าสุดของเยอรมนีสูงขึ้นเพียง 1,000 ราย และ Carsten Brzeski นักวิเคราะห์จาก ING ชี้ว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่รวบรวมก่อนที่เยอรมนีจะประกาศใช้มาตรการปิดประเทศเมื่อ 9 วันที่แล้ว
3. ดัชนี PMI จีนพลิกฟื้นอย่างแข็งแกร่ง
เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณแสดงให้เห็นถึงเสถียรภาพหลังจากเศรษฐกิจหดตัวลงในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้ออย่างเป็นทางการประจำเดือนมีนาคมออกมาเท่ากับ 52 สูงกว่าเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่เท่ากับ 35.7
ข้อมูลเศรษฐกิจครั้งนี้ประกาศออกมาท่ามกลางบรรยากาศที่ผ่อนคลายขึ้นหลังจากโรงงานต่าง ๆ ในประเทศเริ่มกลับมาเปิดดำเนินงานอีกครั้ง ทว่าบริษัทต่าง ๆ ยังคงฟื้นตัวได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพเนื่องจากข้อจำกัดด้านการดำเนินงานที่ยังมีผลบังคับใช้อยู่ในขณะนี้
ส่วนค่าเงินหยวนก็ค่อนข้างคงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
4. ตลาดหุ้นทั่วโลกเตรียมเปิดตัวในแดนบวก, ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนบวก เนื่องจากตลาดให้ความสนใจกับความเป็นไปได้ที่จะมีการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม และดูเหมือนจะมีแสงที่ปลายอุโมงค์จากสถานการณ์การระบาดทางฝั่งยุโรปที่เริ่มชะลอตัวลง
เมื่อเวลา 6:35 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1035 GMT) สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 27 จุดหรือราว 0.1% เท่ากับ 22,193 สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าขยับขึ้น 0.1% และสัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าขยับขึ้น 0.4%
ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่เคลื่อนไหวสู่แดนบวก โดยดัชนี Stoxx 600 ขยับขึ้น 0.7% เท่ากับ 316.94
ตลาดจีนและตลาดอื่น ๆ ในเอเชียยกเว้นญี่ปุ่นต่างก็ปิดบวกเนื่องจากผู้ลงทุนเริ่มหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
ทว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐกลับแข็งค่าขึ้นอีก 0.5% เนื่องจากธนาคารต่าง ๆ ในญี่ปุ่นพากันเข้าถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อปิดงบประมาณรายปี
5. ยุโรปกลางประสบปัญหาด้านระบอบประชาธิปไตยและสกุลเงิน
ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นทำระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์เมื่อเทียบกับโฟรินท์ฮังการี หลังจากสภาฮังการีได้ผ่านกฎหมายใหม่อันเป็นการยกเลิกระบอบรัฐธรรมนูญซึ่งสร้างความกังวลต่อจุดยืนระยะยาวของฮังการีในสหภาพยุโรป
กฎหมายดังกล่าวได้ขยายเวลาการประกาศภาวะฉุกเฉินโดยนายกรัฐมนตรี วิคเตอร์ ออร์บาน เมื่อช่วงต้นเดือนนี้เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยกฎหมายดังกล่าวจะเอื้ออำนวยให้นายวิคเตอร์ปกครองประเทศได้อย่างไม่มีกำหนด และกำหนดให้การแพร่กระจาย 'ข่าวเท็จ' มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 5 ปีอีกด้วย
เมื่อเวลา 6:35 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ค่าเงินยูโรเท่ากับ 359.115 โฟรินท์ ลดลงมาเล็กน้อยจากระดับสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 360.41