InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพฤหัสบดี (3 ส.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ โดยนักลงทุนเทขายหุ้น เนื่องจากผิดหวังกับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และวิตกกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ระดับ 457.93 จุด ลดลง 2.91 จุด หรือ -0.63%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,260.53 จุด ลดลง 52.31 จุด หรือ -0.72%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,893.38 จุด ลดลง 126.64 จุด หรือ -0.79% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,529.16 จุด ลดลง 32.47 จุด หรือ -0.43%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดติดลบเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่แข็งแกร่ง และการประกาศชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนดของรัฐบาลสหรัฐ
ปัจจัยที่กดดันตลาดยังมาจากผลสำรวจที่บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางธุรกิจของยูโรโซนย่ำแย่ลงมากเกินคาดในเดือนก.ค. โดยภาคการผลิตและภาคบริการของยูโรโซนชะลอตัวลง
นอกจากนี้ ภาวะเงินเฟ้อที่ระดับสูงและการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐกดดันตลาดด้วย โดยดัชนี STOXX 600 ปรับตัวลงราว 3% นับตั้งแต่แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดหุ้นอังกฤษลดช่วงติดลบลง หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด
หุ้นอินฟินิออน บริษัทผลิตชิปของเยอรมนีร่วงลง 9.3% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ เนื่องจากความต้องการชิปลดลงจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและสมาร์ตโฟน
หุ้นดอยซ์ ลุฟท์ฮันซ่า ร่วง 5.5% เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับต้นทุนที่ระดับสูงจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัท
แต่หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยหุ้นโซซิเอเต้ เจเนเรล พุ่ง 3.5% หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสดีกว่าคาด
หุ้นแอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ บวก 1.3% หลังรายงานผลประกอบการสูงกว่าคาด และคงคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการในปีนี้