โดย Geoffrey Smith
Investing.com -- บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนฝั่งสหรัฐ-ยุโรปในวันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายนมีดังต่อไปนี้
1. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน
หลังจากตัวเลขการจ้างงานจาก ADP ออกมาน่าผิดหวังเมื่อวานนี้ ในวันนี้จะมีการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐประจำสัปดาห์ในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (1230 GMT) โดยหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานยังคงสูงกว่า 1 ล้านราย ชี้ให้เห็นถึงอัตราการปลดพนักงานที่ยังคงสูงขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากภาวะวิกฤตในไตรมาสที่สอง
และในวันนี้จะมีการรายงานผลสำรวจทางธุรกิจภาคการบริการรายสัปดาห์จากสถาบันการจัดการอุปทาน (ISM) ในเวลา 10.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
นอกจากนี้ประธานเฟดประจำชิคาโก นายชาร์ลส์ อีวานส์ ก็จะให้คำกล่าวในเวลา 13.00 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก
2. มาครงเผยแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
หุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือน หลังจากรัฐบาลฝรั่งเศสได้เผยแผนการอัดฉีดเงินเป็นมูลค่า 1 แสนล้านยูโร (1.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐ)
แผนการดังกล่าวได้รับเงินทุน 40% จากกองทุนเยียวยาเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปที่เคยมีการเสนอไปก่อนหน้านี้ และมีจุดประสงค์เพื่อลดภาษีองค์กรเป็นมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านยูโรในระยะเวลาอีก 10 กว่าปีข้างหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายกลางที่นายมาครงพยายามจะผลักดันตั้งแต่ปี 2017 แต่ยังทำไม่สำเร็จ
เมื่อเวลา 6:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก ดัชนี CAC 40 บวกขึ้น1.6% ในวันนี้ จากก่อนหน้านี้ที่ขึ้นไปแตะระดับสูงสุด 2.0%
3. ตลาดหุ้นส่อแววพักตัว, Tesla (NASDAQ:TSLA) ได้รับแรงกดดันอีกครั้ง
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมย่อตัวลงเล็กน้อย ท่ามกลางการซื้อขายอย่างระมัดระวังของผู้ลงทุนล่วงหน้าก่อนการรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์
เมื่อเวลา 6:15 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก สัญญาซื้อขายดัชนี Dow 30 ล่วงหน้าติดลบ 46 จุดหรือ 0.2% ส่วนสัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้าย่อตัวลง 0.4% สัญญาซื้อขายดัชนี Nasdaq 100 ล่วงหน้าติดลบ 0.9%
หุ้นที่น่าจับตาในวันนี้ได้แก่บริษัทรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ Crowdstrike ที่ทรุดตัวลง 7.4% ในช่วงก่อนตลาดเปิดหลังจากผลประกอบการรายไตรมาสออกมาต่ำกว่าคาด
หุ้น Tesla ก็น่าจะได้รับความสนใจเช่นกัน โดยราคาหุ้นร่วง 6.5% หลังจากกองทุนสหราชอาณาจักร Baillie Gifford ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการลงทุนที่ถือครองหุ้นมาเป็นเวลานานมากที่สุด ได้ตัดสินใจถอนตัวจากการถือครองหุ้นบางส่วนเพื่อปรับสมดุลของพอร์ท
4. ดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ดอลลาร์สหรัฐเด้งกลับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเมื่อซื้อขายคู่กับยูโร หลังจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อ (PMI) ที่ออกมาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าขาขึ้นของเศรษฐกิจยุโรปเริ่มสูญเสียแรงส่งในเดือนสิงหาคม
ดัชนี PMI โดยรวมของฝั่งยูโรโซนจาก IHS Markit ออกมาลดลงเหลือ 51.9 จากเดือนกรกฎาคม 54.9 เนื่องด้วยการระบาดระลอกสองที่เกิดขึ้นอันมีสาเหตุมาจากความพยายามในการกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาค ขณะที่สหราชอาณาจักรซึ่งเป็นประเทศที่ประกาศล็อกดาวน์ช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคยุโรปยังคงมีค่าดัชนี PMI โดยรวมที่สูงขึ้น ทว่า IHS เตือนไว้ว่ามีองค์กรจำนวนมากที่กำลังเตรียมปลดพนักงานออกเนื่องจากโครงการช่วยเหลือผู้ถูกพักงานของรัฐบาลกำลังจะสิ้นสุดลงเร็ว ๆ นี้
เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.2% เท่ากับ $1.1833 หลัง Financial Times รายงานว่าสมาชิก ECB จำนวนหนึ่งแสดงออกถึงความกังวลต่อค่าเงินที่สูงขึ้น
5. ราคาน้ำมันขยับลงหลังมีสัญญาณว่าตลาดน้ำมันอาจเข้าสู่ภาวะอุปทานเกินอีกครั้ง
ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องหลังมีสัญญาณว่าตลาดน้ำมันอาจมีอุปทานเกิน
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาตลาดโลกเชื่อมั่นว่าการจำกัดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC และประเทศพันธมิตร ผนวกกับอุปสงค์น้ำมันโลกที่ฟื้นตัวขึ้น จะทำให้ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังที่สะสมมาตลอดช่วงครึ่งปีแรกทยอยลดลงเรื่อย ๆ
ทว่าข้อมูลจากรัฐบาลสหรัฐที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ชี้ให้เห็นว่าอุปสงค์น้ำมันเบนซินในสหรัฐลดลงจนน่ากังวล ขณะที่ตัวเลขอื่น ๆ จากทางการสหรัฐก็ชี้ให้เห็นด้วยว่าอุปสงค์ของเชื้อเพลิงเครื่องบินลดลงเหลือเพียงไม่ถึงครึ่งจากปีที่แล้ว
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบสหรัฐติดลบ 2.1% เท่ากับ $40.65 ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาเบรนท์ปรับตัวลง 1.8% อยู่ที่ $43.65 ต่อบาร์เรล