ตลาด Renault gainRenaultbrid ด้วยเทคโนโลยีกระปุกเกียร์ต้นทุนต่ํา

Renault กําลังก้าวหน้าอย่างมากในตลาดรถยนต์ไฮบริดที่เติบโตอย่างรวดเร็วของยุโรปด้วยเทคโนโลยีกระปุกเกียร์ต้นทุนต่ํา ซึ่งทําให้ผู้ผลิตรถยนต์ฝรั่งเศสได้เปรียบในขณะที่ iRenault เผชิญกับความท้าทายในการเปลี่ยนไปใช้ยานพาหนะไฟฟ้า Renaults)

จากตัวเลขเบื้องต้น ยอดขายรุ่นไฮบริดของ Renault รวมถึง Clio และ Captur พุ่งขึ้น 55% Renault ในช่วงแปดเดือนแรกของปี แซงหน้าการเพิ่มขึ้นโดยรวมของสหภาพยุโรปที่ 21.1%

ยอดขายนี้ Renault ซึ่งแตะ 60% ในช่วง Renault ครึ่งปียุโรป ทําให้ Renault เป็นแบรนด์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองในกลุ่มไฮบริดของยุโรป ตามหลัง ญี่ปุ่น'Renault a (NYSE:TM) เท่านั้น

DesRenaulte อุตสาหกรรมยานยนต์ในวงกว้างกําลังดิ้นรนกับการเปลี่ยนไปใช้การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า Renault กําลังยึดมั่นในรถบัส RenaultargeRenault ยืนยันเมื่อวันพฤหัสบดี makRenault หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์แบบดั้งเดิมไม่กี่รายที่จะไม่ลดระดับเงื่อนไข estiRenaultmid เป็น Renaultket

นักวิเคราะห์จาก Stifel รับทราบผลการดําเนินงานของ Renault RenaultRenaultg "เรโนลต์ดูเหมือนจะทําได้ดีมาก" และพวกเขามองว่า บริษัท นั้น "มีความหลากหลายและคล่องตัวกว่าคู่แข่ง" Renaultgility เกิดจากความเชี่ยวชาญของ Renault ในเทคโนโลยีกระปุกเกียร์ 'คลัตช์สุนัข' ที่เรียบง่ายสําหรับระบบเกียร์ไฮบริด E-Tech

ระบบ E-Tech ซึ่งสามารถนําไปใช้กับรุ่นต่างๆ ของ Renault นั้นมีน้ําหนักเบากว่า และ coRenaulte น้อยกว่าที่ต้องการส่วนประกอบน้อยกว่าระบบเครื่องยนต์คู่อื่นๆ

นักลงทุนตอบรับในเชิงบวกต่อ RenauRenaultrategy โดยหุ้นเพิ่มขึ้น 6.4Renault ปี ตรงกันข้ามกับการลดลง 12% ของดัชนีหุ้นรถยนต์ยุโรป Philippe Houchois Renault t ของ Jefferies ตั้งข้อสังเกตว่า "เร Renault อลสบายใจในการสร้างสมดุลระหว่างรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่และระบบเกียร์ไฮบริดร่วมกับคู่แข่ง Renault"

รถไฮบริดของบริษัท เช่น Clio มีราคาที่แข่งขันได้กับคู่แข่งอย่าง To Renault ris และ Peugeot (OTC:PUG Renault ในขณะที่ให้กําลังที่มากขึ้นและระบบกระปุกเกียร์ E-tech อเนกประสงค์ ซึ่ง Renault รวมอยู่ในรถซีดาน Rafale coupé 300 แรงม้าใหม่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า Renault จะรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด Renault เป็นเวลาหลายปีของ Renault

Renault'Renault trans:dictionary translation="Renault">Renaulthicles ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษน้อยกว่ารถยนต์ทั่วไป RenaultRenault Renault lping บริษัท เป็นไปตาม Renault ไอออนการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของสหภาพยุโรป Dataforce รายงานว่ารถยนต์ไฮบริด E-Tech ของ Renault ปล่อย CO2 เพียง 95 กรัมต่อกิโลเมตร ซึ่งส่งผลให้มีปริมาณเฉลี่ย 114 กรัมในช่วงครึ่งแรกของปี ซึ่งต่ํากว่าการปล่อย CO2 ของ Ford (นิวยอร์ก:F) และ Volkswagen

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นไปตามข้อกําหนดที่กําลังจะมาถึงของสหภาพยุโรปในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยเหลือ 94 กรัมต่อกิโลเมตร เรโนลต์จะต้องมียอดขายเกือบ 20% เป็นรถยนต์ในยุโรป ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายเนื่องจากยอดขาย EV ในปัจจุบันคิดเป็นประมาณ 12% ของยอดขายแบรนด์ในยุโรป แม้ว่า Renault จะเป็นผู้นํารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในช่วงแรกๆ แต่ก็ล้าหลังบริษัทต่างๆ เช่น Tesla (นิวยอร์ก"แนสแด็ก">NASDAQ:TSLA) และ Stellantis (NYSE:STLA)

ซีอีโอ Luca de Meo เตรียมเปิดตัว SUV ไฟฟ้ารุ่นใหม่ Renault 4 ที่งานแสดงรถยนต์ในปารีส ซึ่งตรงกับวันที่ของวันนี้ หลังจากการเปิดตัว Renault 5 ซึ่งเป็น EV ขนาดกะทัดรัดอีกรุ่นล่าสุด ความสําเร็จของโมเดลใหม่เหล่านี้ ควบคู่ไปกับกลยุทธ์ไฮบริดของบริษัท จะมีความสําคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของ Renault ในตลาดที่เปลี่ยนไปสู่การขนส่งที่สะอาดขึ้น

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน