หุ้นชิปดิ่งลงท่ามกลางความกังวลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

ภาคเซมิคอนดักเตอร์ของวอลล์สตรีทประสบกับการขาดทุนอย่างมากในวันนี้ โดยดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดลเฟียลดลงกว่า 5% ในการซื้อขายช่วงบ่าย การลดลงนี้พร้อมที่จะเป็นดัชนีที่ลดลงรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 ภาวะเศรษฐกิจตกต่ําเกิดขึ้นหลังจากรายงานของ Bloomberg News เมื่อวันอังคารที่ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ กําลังพิจารณาข้อจํากัดการส่งออกที่เข้มงวดขึ้นสําหรับเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงไปยังจีน

การเทขายหุ้นชิปรุนแรงขึ้นจากคําแถลงของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงตําแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งแนะนําว่าไต้หวันควรชดเชยทางการเงินให้กับสหรัฐฯ สําหรับการป้องกันของตน คําพูดของทรัมป์ได้เพิ่มปฏิกิริยาของตลาด ซึ่งนําไปสู่การลดลงของหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ในวงกว้าง

หุ้นของ ASML Holding ซึ่งเป็นผู้ให้บริการอุปกรณ์ผลิตชิปของเนเธอร์แลนด์ร่วงลง 11% แม้ว่าบริษัทจะทํากําไรได้เกินที่คาดการณ์ไว้ในไตรมาสที่สองก็ตาม บริษัท AI รายใหญ่ Nvidia เห็นหุ้นร่วงลงเกือบ 7% ลบมูลค่าตลาดกว่า 200 พันล้านดอลลาร์ ผู้เล่นที่โดดเด่นรายอื่นในภาคส่วนนี้ เช่น AMD, Qualcomm, Micron, Broadcom และ Arm ล้วนเห็นราคาหุ้นลดลงมากกว่า 5%

ถึงกระนั้น บริษัทที่มีการดําเนินงานด้านการผลิตชิปในสหรัฐอเมริกาก็ได้รับผลกําไร โดย Intel, GlobalFoundries และ Texas Instruments เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 0.3% ถึง 8.5% นักวิเคราะห์แนะนําว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Intel อาจได้รับประโยชน์จากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานใหม่หลายแห่งในสหรัฐอเมริกา

รัฐบาลไบเดนได้ดําเนินการเชิงรุกในการจํากัดการเข้าถึงเทคโนโลยีชิปที่ล้ําสมัยของจีน โดยกําหนดข้อจํากัดที่ครอบคลุมในเดือนตุลาคมซึ่งส่งผลกระทบต่อโปรเซสเซอร์ AI ที่ออกแบบโดยบริษัทต่างๆ เช่น Nvidia

ข้อจํากัดเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อยอดขายของผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ ไปยังจีนแล้ว โดยรายได้ของ Nvidia จากตลาดจีนลดลงอย่างมากจาก 66% ในปีที่แล้วเป็น 18% สําหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในวันที่ 28 เมษายน

ความคิดเห็นของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เกี่ยวกับการจ่ายเงินกลาโหมของไต้หวันให้กับสหรัฐฯ ส่งผลเสียต่อหุ้นของ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปตามสัญญาชั้นนําของโลก ความสําคัญทางยุทธศาสตร์ของไต้หวันในห่วงโซ่อุปทานชิปทั่วโลกเป็นที่ยอมรับกันดี และนักวิเคราะห์เตือนว่าความขัดแย้งใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเกาะนี้อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง

แม้จะขาดทุนในวันนี้ แต่ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ฟิลาเดลเฟียก็เพิ่มขึ้น 32% ในปี 2024 ซึ่งดีกว่าดัชนี S&P 500 ที่เพิ่มขึ้น 17% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากอุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เพิ่มขึ้น

Intel ซึ่งลงทุนอย่างจริงจังเพื่อฟื้นฟูความได้เปรียบในการแข่งขันในการผลิตเหนือ TSMC ยังเป็นผู้รับผลประโยชน์หลักจากพระราชบัญญัติชิปของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามในเดือนสิงหาคม 2022 โดยให้เงินอุดหนุน 52.7 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม มีความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับความสามารถของ Intel ในการฟื้นฟูการดําเนินงานด้านการผลิต ดังที่เห็นได้จากการขาดทุนจากการดําเนินงาน 2.47 พันล้านดอลลาร์ในส่วนโรงหล่อสําหรับไตรมาสที่สิ้นสุดในวันที่ 30 มีนาคม

ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายคาดการณ์ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ให้ความสําคัญกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จะยังคงมีอยู่ โดยไม่คํานึงถึงผลการเลือกตั้งที่กําลังจะมาถึง ซึ่งอาจนําไปสู่การจํากัดการส่งออกจีนมากขึ้น และการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องสําหรับผู้ผลิตชิปในประเทศอย่าง Intel

บทความนี้ถูกแปลโดยใช้ความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์(AI) สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดอ่านข้อกำหนดการใช้งาน