โดย Ambar Warrick
Investing.com - ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ฟื้นตัวเล็กน้อยจากการขาดทุนล่าสุดในวันอังคาร ขณะที่ตลาดญี่ปุ่นย่อตัวลงหลังจากผลประกอบการที่อ่อนแอจากกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Softbank (OTC:SFTBY)
ดัชนีนิคเคอิ 225 ร่วงลงเกือบ 1% โดย Softbank อยู่ในกลุ่มที่ทำผลงานแย่ที่สุดหลังจากขาดทุนมากเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน หุ้นของบริษัทการลงทุนลดลง 7.5% ในเวลา 00.45 ET (05.05 GMT)
ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดในบรรดาดัชนีตัวอื่น ๆ โดยเพิ่มขึ้น 1% เนื่องจากหุ้นกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ได้ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้
กลุ่มบริษัทที่เรียกว่า ‘BAT’ ซึ่งได้แก่ บริษัท Baidu (NASDAQ:BIDU) Alibaba (NYSE:BABA) และ Tencent หุ้นเพิ่มขึ้นระหว่าง 0.5% ถึง 2.5%
ตลาดในภูมิภาคเคลื่อนไหวทำกำไรหลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเพียงชั่วข้ามคืน และปิดการซื้อขายด้วยระดับที่ทรงตัวหลังจากช่วงที่ผันผวน นักลงทุนชั่งน้ำหนักความเสี่ยงต่อทั้งภาคการเติบโตและมูลค่าก่อนการอ่านค่า CPI ในวันพุธนี้
คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 8.7% ในเดือนกรกฎาคม ลดลงเล็กน้อยจาก 9.1% ในเดือนก่อนหน้า แม้ว่าการลดลงดังกล่าวจะบ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มถึงจุดสูงสุด แต่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบสี่สิบปี
โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะคำนึงถึงปัจจัยข้อมูลตัวเลข CPI ในแผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเดือนกันยายน
ดัชนี CSI 300 ของจีนเพิ่มขึ้น 0.3% ก่อนตัวเลขเงินเฟ้อของประเทศที่จะประกาศในวันพุธนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต เพิ่มขึ้น 0.3%
ทางการจีนได้คาดหวังว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ CPI จะมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ ทั่วโลก อัตราเงินเฟ้อราคาผู้ผลิตคาดว่าจะลดลงในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด19 หลายครั้งในช่วงต้นปี
ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ กว่าดัชนีอื่นในเอเชียแปซิฟิก โดยเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% หลังจากการสำรวจของบริษัทเอกชนที่ได้แสดงตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโควิด19 ในปี 2020 ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยและภาวะเงินเฟ้อที่ร้อนแรง
ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ร่วงลง 0.3% หลังจากข้อมูลจากรัฐบาลแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศเติบโตช้ากว่าที่คาดในไตรมาสที่สอง แต่ตัวเลขการอ่านค่ายังอยู่ในช่วงเป้าหมายของธนาคารกลางทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อหรือไม่