Investing.com - หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในวันนี้นำโดยตลาดหุ้นเกาหลีใต้ หลังจากที่ประธานาธิบดี Yoon Suk-Yeol กลับคำสั่งกฎอัยการศึกอย่างกะทันหัน ซึ่งสร้างความวุ่นวายทางการเมืองและลดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากทั่วทั้งภูมิภาค
ตลาดในภูมิภาคได้รับแรงหนุนเพียงเล็กน้อยจากการปิดในแดนบวกของวอลล์สตรีทเมื่อคืนที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนยังคงรอคอยสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงินของสหรัฐฯ จากการแถลงการณ์ของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
ดัชนีฟิวเจอร์สสหรัฐซื้อขายเป็นบวกเล็กน้อยในตลาดเอเชีย
หุ้นเกาหลีใต้ร่วงหนักจากความตึงเครียดเรื่องกฎอัยการศึก
ดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ร่วงลงกว่า 2% หลังจากที่ประธานาธิบดี Yoon Suk-Yeol ประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อวันอังคาร เพื่อจัดการกับ “กลุ่มต่อต้านรัฐ” ในหมู่คู่แข่งทางการเมืองของเขา อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวก็ถูกต่อต้านทันที รวมถึงการปฏิเสธจากรัฐสภาและการประท้วงจากประชาชน ทำให้เขาต้องยกเลิกคำสั่งในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
ซึ่งผลที่ตามมา ทำให้สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้เรียกร้องให้ถอดถอนเขา ส่งผลให้ประเทศเข้าสู่วิกฤตทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
กฎอัยการศึกหมายถึงการแทนที่การปกครองพลเรือนด้วยการปกครองโดยทหาร การระงับกระบวนการทางกฎหมายของพลเรือน และอาจรวมถึงการระงับสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชนในระหว่างที่มีผลบังคับใช้
ความเคลื่อนไหวของ Yoon ได้ทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนในประเทศ โดยนักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่าความวุ่นวายที่ยืดเยื้ออาจส่งผลต่ออันดับความน่าเชื่อถือของเกาหลีใต้ได้
ตลาดเอเชียได้รับผลกระทบจากวิกฤตเกาหลีใต้
ตลาดหุ้นในภูมิภาคต่างก็ระมัดระวังต่อความเป็นไปได้ที่วิกฤตการเมืองในเกาหลีใต้จะส่งผลกระทบต่อประเทศอื่น เนื่องจากเกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในเสาหลักทางเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออก
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นลดลง 0.4% ขณะที่ TOPIX ลดลง 0.7% นายกรัฐมนตรี Shigeru Ishiba ของญี่ปุ่นกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เรากำลังติดตามสถานการณ์ในเกาหลีใต้ด้วยความสนใจและความกังวลอย่างยิ่ง”
ในจีน ดัชนี CSI 300 ลดลง 0.3% และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ขยับลงเล็กน้อย หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่าการเติบโตในภาคบริการของจีนชะลอตัวในเดือนพฤศจิกายน โดยรายงานดัชนี PMI ของ Caixin ลดลงจาก 52.0 มาอยู่ที่ 51.5 สะท้อนถึงการเติบโตที่อ่อนแอลงในธุรกิจใหม่และการส่งออก ขณะที่เศรษฐกิจก็กำลังเตรียมรับมือกับภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์
ตลาดและเศรษฐกิจในภูมิภาคยังคงเผชิญกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีที่เข้มงวดขึ้นของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปของจีนกลับพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากรัฐบาลจีนแนะนำไม่ให้ซื้อชิปที่ผลิตในสหรัฐ ซึ่งอาจกระตุ้นความต้องการชิปที่ผลิตภายในประเทศเพิ่มขึ้น
ดัชนี PSEi คอมโพสิต ของฟิลิปปินส์ลดลง 0.2% ขณะที่ดัชนี Nifty 50 ฟิวเจอร์ส ของอินเดียมีแนวโน้มเปิดตลาดในแดนบวก
ดัชนี SET ของไทยเพิ่มขึ้น 1.3% ในวันนี้ หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พิชัย ชุณหวชิระ ระบุว่ามีโอกาสที่อัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดลงเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อต่ำ แต่ย้ำว่าการตัดสินใจยังคงขึ้นอยู่กับธนาคารกลาง โดยเขายังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการประสานนโยบายการเงินและการคลังเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ
หุ้นออสเตรเลียถูกกดดันจาก GDP ที่อ่อนแอ
ดัชนี ASX 200 ของออสเตรเลียลดลง 0.5% ในวันนี้ หลังข้อมูล GDP แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเติบโตน้อยกว่าที่คาดการณ์ในไตรมาสเดือนกันยายน
แม้ข้อมูลดังกล่าวจะเพิ่มความคาดหวังว่าธนาคารกลางออสเตรเลียอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่คาด แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจออสเตรเลียกำลังประสบปัญหาจากเงินเฟ้อที่ยังคงสูงและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง
การเติบโตของ GDP ที่อ่อนแอส่วนใหญ่นั้นมาจากการใช้จ่ายของครัวเรือนที่ซบเซา ขณะที่ราคาส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงก็เป็นปัจจัยกดดันเพิ่มเติมเช่นกัน