🏃 คว้าข้อเสนอ Black Friday ก่อนใคร รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ตอนนี้!รับส่วนลด

(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยใหม่ บอนด์ยีลด์ดีดขึ้นกดดัน ตลาดรอตัวเลขศก.สหรัฐ

เผยแพร่ 24/10/2567 16:35
© Reuters.  (เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยใหม่ บอนด์ยีลด์ดีดขึ้นกดดัน ตลาดรอตัวเลขศก.สหรัฐ
US500
-
CL
-
US10YT=X
-
SETI
-

InfoQuest - นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ โดยที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) สหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นมาในระดับ 4.2% สูงสุดในรอบ 3 เดือน ทำให้เป็นปัจจัยที่กดดันต่อตลาดหุ้น

ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียที่เปิดมาเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน ซึ่งตลาดยังรอติดตามการรายงานตัวเลขดัชนี PMI ภาคการผลิต และภาคบริการของสหรัฐในคืนนี้ โดยให้แนวต้าน 1,480-1,485 จุด แนวรับ 1,460-1,465 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,514.95 จุด ลดลง 409.94 จุด หรือ -0.96%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,797.42 จุด ลดลง 53.78 จุด หรือ -0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,276.65 จุด ลดลง 296.47 จุด หรือ -1.60%

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 37,804.52 จุด ลดลง 300.34 จุด หรือ -0.79%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 20,576.05 จุด ลดลง 184.1 จุด หรือ -0.89% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,287.82 จุด ลดลง 14.98 จุด หรือ -0.45%

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ต.ค.) ที่ 1,470.32 จุด ลดลง 18.42 จุด (-1.24%) มูลค่าซื้อขาย 57,044.51 ล้านบาท

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,701.28 ล้านบาท

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (23 ต.ค.) ลดลง 97 เซนต์ หรือ 1.35% ปิดที่ 70.77 ดอลลาร์/บาร์เรล

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 ต.ค.) อยู่ที่ 4.67 เหรียญ/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 33.83 อ่อนค่า หลังบอนด์ยีลด์หนุนดอลลาร์แข็งค่า ก่อนเลือกตั้งสหรัฐ

- รมว.การท่องเที่ยและกีฬา เผย ภายในต้นเดือน ม.ค. 68 จะเสนอให้ ครม. พิจารณาเรื่องการจัดเก็บภาษีท่องเที่ยวในอัตราเดียว 300 บาทไม่ว่านักท่องเที่ยวจะเดินทางเข้าไทยในทางใด จากเดิมที่เคยมีข้อเสนอจัดเก็บ 2 อัตรา คือ ทางบกและทางน้ำ 150 บาท และทางอากาศ ในอัตรา 300 บาท เพื่อป้องกันคำครหาการเลือกปฏิบัติ ภาษีที่เก็บครั้งนี้จะนำไปใส่ในกองทุนเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวไทยกรณีฉุกเฉินต่างๆ

- รมช.คลัง เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำร่างกฎหมายเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ว่า คลังคาดว่าจะสามารถเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ภายในปีนี้ และหลังจากผ่านความเห็นชอบของ ครม.แล้วรัฐบาล จะผลักดันร่างกฎหมายฉบับนี้ ให้สภาพิจารณาต่อไป ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรจะเปิดสมัยการประชุมสามัญอีกครั้งในกลางเดือน ธ.ค.นี้ถึง เม.ย.ปีหน้า

- ราคาทองคำยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์หรือนิวไฮ โดยราคาทองคำได้มีความเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคักตั้งแต่เปิดตลาดแม้ว่าจะเป็นในช่วงวันหยุดราชการก็ตาม ล่าสุดได้มีการปรับราคาไปทั้งสิ้น 13 ครั้ง โดยราคาทองคำไปสูงสุดบาทละ 650 บาท ก่อนจะลดลงมาปิดตลาดที่เพิ่มขึ้น 550 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดเมื่อวันที่ 22 ต.ค. ทั้งนี้ ราคาทองแท่งขายออกบาทละ 43,900 บาท ซื้อเข้าบาทละ 43,800 บาท ทองรูปพรรณขายออกบาทละ 44,400 บาท ซื้อเข้าบาทละ 43,008.92 บาท ด้านราคาทองคำในตลาดโลกอยู่ที่ 2,757.93 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 36.44 ดอลลาร์ และค่าเงินบาท 33.60 บาท/ดอลลาร์

*หุ้นเด่นวันนี้

- KKP (เมย์แบงก์) ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 65 บาท (P/BV ปี 67 ที่ 0.8 เท่า และ ROE ที่ 8.7%) จากเดิม 52 บาท หลังจากที่ได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 67-69 ขึ้น 3-14% จากการที่เห็นปัจจัยบวกหลายประการที่จะสนับสนุนการเติบโตของ EPS ได้แก่ ผลขาดทุนจากการขายที่ลดลง ต้นทุนการเงินที่ลดลง การฟื้นตัวของรายได้จากค่าธรรมเนียม การเติบโตของสินเชื่อรถยนต์ประเภท Auto Equity และแผนการบริหารจัดการเงินทุน ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 68 ที่ 8 เท่า และ P/BV 0.7 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีอยู่ -1SD ทำให้เลือก KKP เป็น Top Pick สำหรับกลุ่มธนาคารขนาดกลางแ

- AMATA (กสิกรไทย) มีมุมมองเชิงบวกจาก Backlog ของ AMATA ที่ทำระดับสูงสุดใหม่ สูงถึง 1.69 หมื่นล้านบาท และมีความแข็งแกร่งจากการที่ลูกค้าวางเงินมัดจำในสัดส่วนที่สูง อีกทั้งความต้องการใช้ที่ดินเพื่ออุตสาหกรรมใความต้องการสูงมากกว่าอุปทาน และยังได้รับปัจจัยหนุนจากการบ้านฐานการผลิตของจีนและไต้หวั่น ทำให้เป็น upside ต่อธุรกิจ โดยให้ราคาพื้นฐาน 29.50 บาท

- BEM (อินโนเวสท์ เอกซ์) มองครึ่งหลังปี 67 คาดกำไรจะแข็งแกร่งขึ้น HoH ส่วนไตรมาส 3/67 คาดกำไรปกติเพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ โดยได้แรงหนุนจากจำนวนผู้โดยสาร MRT ที่เพิ่มขึ้นและการขึ้นค่าโดยสาร MRT อีกทั้งมองมี Upside Risk เพิ่มเติมจากโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (Double Deck) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ซึ่งเรายังไม่ได้นำมารวมไว้ในประมาณการ

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย