InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (16 ส.ค.) และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์เป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบปีนี้ หลังนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ และมุ่งความสนใจไปที่การสัมมนาด้านเศรษฐกิจที่แจ็กสันโฮลในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,659.76 จุด เพิ่มขึ้น 96.70 จุด หรือ +0.24%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,554.25 จุด เพิ่มขึ้น 11.03 จุด หรือ +0.20% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,631.72 จุด เพิ่มขึ้น 37.22 จุด หรือ +0.21%
ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน หลังราคาหุ้นฟื้นตัวจากการร่วงลงเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ดัชนีทั้งสามตัวปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์คิดเป็นเปอร์เซ็นต์สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนต.ค. 2566 ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 สัปดาห์
ข้อมูลเศรษฐกิจต่าง ๆ ของสหรัฐที่เปิดเผยในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของกระทรวงแรงงานและรายงานยอดค้าปลีกจากกระทรวงพาณิชย์ทำให้เกิดความมั่นใจว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงอย่างต่อเนื่องสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการใช้จ่ายของผู้บริโภคแข็งแกร่ง
ส่วนข้อมูลที่เปิดเผยในวันศุกร์แสดงให้เห็นว่า การเริ่มต้นสร้างบ้านเดี่ยวในสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 ปีครึ่งในเดือนก.ค. ขณะที่ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นของมหาวิทยาลัยมิชิแกนในเดือนส.ค.แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งเกินคาด
เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางทั่วโลกจะกล่าวสุนทรพจน์ในงานสัมมนาที่แจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิงในสัปดาห์หน้า และการกล่าวสุนทรพจน์ที่สำคัญของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดในวันศุกร์ (23 ส.ค.) อาจสร้างความคาดหวังเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในสหรัฐ
นายออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโกให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุ National Public Radio ว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางควรระมัดระวังในการดำเนินนโยบายที่เข้มงวดนานเกินกว่าที่จำเป็น
เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินต่างคาดว่า มีโอกาส 74.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. และมีโอกาสลดลงเหลือ 25.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50%
ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 นั้น กลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุด ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลงมากที่สุด
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นแอพพลายด์ แมททีเรียลส์ บริษัทด้านอุปกรณ์ผลิตชิป ร่วงลง 1.9% หลังพุ่งขึ้นขานรับรายได้ไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่งเกินคาด
แต่หุ้นแอมคอร์ ซึ่งเป็นบริษัทด้านบรรจุภัณฑ์ ร่วงลง 3.7% หลังรายงานยอดขายไตรมาส 4 ลดลงมากกว่าที่คาดไว้