InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (31 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ทำสถิติปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ. โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตชิป และจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,842.79 จุด เพิ่มขึ้น 99.46 จุด หรือ +0.24%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,522.30 จุด เพิ่มขึ้น 85.86 จุด หรือ +1.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,599.40 จุด เพิ่มขึ้น 451.98 จุด หรือ +2.64%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ พร้อมกับระบุในแถลงการณ์ว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เงินเฟ้อมีความคืบหน้าในการปรับตัวสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังการประชุมว่า "หากข้อมูลที่ได้รับมายังคงทำให้เฟดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อกำลังอยู่ในทิศทางชะลอตัวลง เฟดก็พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมครั้งหน้า คือในเดือนก.ย."
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 4.043%
เจฟฟรีย์ โร้ช หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทหลักทรัพย์ LPL กล่าวว่า ถ้อยแถลงของนายพาวเวลเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดมีความพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. นอกจากนี้ ตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความตึงตัว และจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน
ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 122,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 155,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีต้นทุนการจ้างงาน (ECI) เพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ในไตรมาส 2/2567 เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในไตรมาส 1/2567 โดยดัชนี ECI เป็นมาตรวัดต้นทุนแรงงานที่กว้างที่สุดและเป็นดัชนีคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 3.95% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้น 1.79% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.39% และ 0.29% ตามลำดับ
ส่วนสถิติตลอดทั้งเดือนก.ค.นั้น ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 4.4%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.1% และดัชนี Nasdaq ลดลง 0.8%
หุ้นอินวิเดียปิดตลาดทะยานขึ้น 12.8% โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ซึ่งเป็นคู่แข่งของอินวิเดีย เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ยอดขายชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่แข็งแกร่งในปี 2567 ขณะที่หุ้น AMD พุ่งขึ้น 4.3% และดัชนีหุ้นเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดหุ้นฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia SE Semiconductor Index) พุ่งขึ้นเกือบ 7%
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ปิดพุ่งขึ้น 2.5% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ ขณะที่หุ้นแอปเปิ้ล และหุ้นอะเมซอน ดีดตัวขึ้น 1.5% และ 2.9% ตามลำดับ ก่อนที่ทั้งสองบริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดี
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 177,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. จากระดับ 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.1% ในเดือนก.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 22-24 ส.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ โดยการประชุมจะจัดขึ้นในหัวข้อ "Reassessing the Effectiveness and Transmission of Monetary Policy" และมีการคาดการณ์ว่านายพาวเวลอาจจะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากเงินเฟ้อของสหรัฐเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง