🐦 Early bird ค้นพบหุ้นที่มาแรงที่สุดตอนนี้ด้วยราคาเบา ๆ รับส่วนลดสูงถึง 55% สำหรับ InvestingPro กับโปรโมชัน Black Fridayรับส่วนลด

(REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 377.49 จุด ระบบเทคฯทั่วโลกล่มกระทบตลาด

เผยแพร่ 22/07/2567 13:01
© Reuters.  (REPEAT) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ดาวโจนส์ปิดร่วง 377.49 จุด ระบบเทคฯทั่วโลกล่มกระทบตลาด
NDX
-
US500
-
DJI
-
GM
-
NVDA
-
IBM
-
NFLX
-
TSLA
-
PANW
-
CRWD
-
S
-

InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอีกในวันศุกร์ (19 ก.ค.) เนื่องจากความปั่นป่วนที่เกิดจากการหยุดชะงักทางเทคนิคทั่วโลกอันเนื่องมาจากข้อผิดพลาดของซอฟต์แวร์นั้น ทำให้ตลาดที่มีความวิตกกังวลอยู่แล้วมีความไม่แน่นอนมากขึ้น

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 40,287.53 จุด ลดลง 377.49 จุด หรือ -0.93%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,505.00 จุด ลดลง 39.59 จุด หรือ -0.71% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,726.94 จุด ลดลง 144.28 จุด หรือ -0.81%

ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ปรับตัวลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงต้นสัปดาห์นั้น ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้

ในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 นั้น หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงมากที่สุด ขณะที่กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสาธารณูปโภคเป็นเพียง 2 กลุ่มที่ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด

ความผิดพลาดที่เกิดกับซอฟต์แวร์ของ Crowdstrike ซึ่งเป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์นั้นทำให้ระบบปฏิบัติการ Windows ของ Microsoft ล่ม ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักทางเทคนิคที่กระทบต่อการดำเนินงานในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงสายการบิน ธนาคาร และการดูแลสุขภาพ

แม้ว่ามีการตรวจพบข้อบกพร่องและแก้ไขแล้ว แต่ปัญหาทางเทคนิคก็ยังคงส่งผลกระทบต่อบริการบางส่วน

หุ้น Crowdstrike ร่วงลง 11.1% ขณะที่หุ้นของบริษัทคู่แข่งด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่าง Palo Alto Networks และ SentinelOne พุ่งขึ้น 2.2% และ 7.8% ตามลำดับ

ดัชนีความผันผวนของตลาด ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความวิตกกังวลของนักลงทุนนั้น แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.

หุ้นกลุ่มชิปร่วงลงจากแรงเทขาย นำโดยหุ้นอินวิเดีย ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ของตลาดฟิลาเดลเฟีย ร่วงลง 3.1%

หุ้นเน็ตฟลิกซ์ร่วงลง 1.5% ในการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากบริษัทเตือนว่า การเพิ่มจำนวนผู้สมัครสมาชิกในไตรมาส 3 จะต่ำกว่าปีก่อน

ด้านนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กได้ระบุย้ำถึงความมุ่งมั่นของเฟดในการปรับลดอัตราเงินเฟ้อให้กลับสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า ตลาดการเงินคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ 93.5% ที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมเดือนก.ย.

ส่วนในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทเทสลา, อัลฟาเบท, ไอบีเอ็ม และเจนเนอรัล มอเตอร์ส

กดอ่านข่าวต้นฉบับจาก InfoQuest

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย