Investing.com - ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ขยับลงเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเย็นวันอาทิตย์ เนื่องจากนักลงทุนจับตาคำให้การของ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐและข้อมูลเงินเฟ้อเพื่อดูแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้
หุ้นฟิวเจอร์สทรงตัวหลังจากวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากข้อมูล การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ที่อ่อนตัวกว่าที่คาดการณ์ได้สร้างความหวังว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายน ส่วนคำให้การของพาวเวลล์ก็คาดว่าจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นนี้เช่นกัน
จุดเมื่อเวลา 19:12 ET (23:12 GMT) S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% มาที่ 5,615.25 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% มาเป็น 20,604.25 ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับลง 0.1% มาที่ 39,647.0 จุด
พาวเวลล์เตรียมให้การ จับตาข้อมูล CPI
คำให้การ ของพาวเวลล์ต่อหน้าวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรในวันอังคารและวันพุธคาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่นโยบายการเงินเป็นส่วนใหญ่
พาวเวลล์ได้ให้สัญญาณเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าแม้ขณะที่เฟดมีความคืบหน้าในการลดเงินเฟ้อ แต่ผู้กำหนดนโยบายยังไม่สามารถมั่นใจได้เพียงพอที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย รายงานการประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายนก็ได้ส่งเสริมแนวคิดนี้อีกด้วย
ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอเกินคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้สร้างความหวังว่าตลาดแรงงานจะเย็นลง ซึ่งทำให้เกิดแรงผลักดันเพิ่มเติมแก่เฟดในการเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
แต่ตัวเลขเงินเฟ้อน่าจะเป็นประเด็นสำคัญของธนาคารกลางในการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ที่กำลังจะประกาศในสัปดาห์นี้ ก็มีแนวโน้มจะส่งผลกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง
วอลล์สตรีททำสถิติสูงสุดจากความหวังการลดอัตราดอกเบี้ย
ความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนได้ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งช่วยให้ดัชนีวอลล์สตรีททำสถิติสูงสุดใหม่ S&P 500 และ NASDAQ คอมโพสิต ทำผลงานได้ดีกว่า ดาวโจนส์ อย่างมาก เนื่องจากความนิยมในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์นั้นทำให้เทรดเดอร์เอนเอียงไปทางหุ้นเทคโนโลยีมากกว่า
S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.5% มาที่ 5,567.19 จุดเมื่อวันศุกร์ ขณะที่ Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.9% มาเป็น 18,351.34 จุด ส่วนดาวโจนส์ยังคงล้าหลังโดยปรับขึ้น 0.2% เป็น 39,375.87 จุด
เทรดเดอร์เห็นโอกาสมากกว่า 72% ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจากโอกาส 57.9% ของเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 กำลังจะเริ่มต้นในสัปดาห์นี้
นอกเหนือจากความคาดหวังในอัตราดอกเบี้ยแล้ว ความสนใจในสัปดาห์นี้ยังไปอยู่ที่ฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สอง ซึ่งจะเริ่มด้วยการรายงานผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ในวันศุกร์
ตลาดจะต้องจับตาดูว่าผลประกอบการของบริษัทนั้นยังคงแข็งแกร่งท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อหรือไม่
โดย JPMorgan Chase & Co (NYSE:JPM) กับ Wells Fargo & Company (NYSE:WFC) และ Citigroup Inc (NYSE:C) จะรายงานผลประกอบการในวันศุกร์