โดย Kim Khan
Investing.com - ภาพรวมของสามประเด็นหลักที่น่าสนใจประจำวันนี้มีดังต่อไปนี้
1. การลงมติผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
วุฒิสภาเตรียมลงมติผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีมูลค่า 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐเมื่อคืนนี้
ทว่ากลับมีส.ว.พรรครีพับลิกัน 3 ท่านที่ได้แสดงความต้องการที่จะเปลี่ยนเนื้อหานโยบายเกี่ยวกับการว่างงาน เนื่องจากทั้ง 3 ท่านเชื่อว่าร่างนโยบายปัจจุบันอาจสร้างแรงจูงใจที่ทำให้ประชาชนเลือกที่จะไม่หางาน และส.ว.เบอร์นี แซนเดอร์สก็ได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มนโยบายเยียวยาทางการเงินสำหรับองค์กรอีกด้วย
แม้วุฒิสภาจะลงมติผ่านร่างนโยบาย แต่ถึงอย่างไรสภาสหรัฐก็ยังต้องลงมติผ่านร่างนโยบายต่อในวันนี้ซึ่งคาดว่ามติน่าจะผ่านไปได้อย่างเป็นเอกฉันท์ ทว่า CNN กลับรายงานก่อนเวลาตลาดปิดว่า ส.ส. อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ อาจออกมาคัดค้านนโยบายก็เป็นได้
2. จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสหรัฐอาจทะลุ 7 แสนคน
กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในเวลา 8:30 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (12:30 GMT)
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่าจะมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้วที่สูงถึง 1 ล้านราย ส่วนผลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่าอาจมีจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสูงสุดถึง 4 ล้านรายเลยทีเดียว
ที่ผ่านมาจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานไม่เคยออกมาสูงกว่า 700,000 รายเลยแม้แต่ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินในปี 2009 และ 1982
Mohannad Aama ผู้อำนวยการบริหารจาก Beam Capital Management ได้แสดงความคิดเห็นว่า "หลายฝ่ายต่างก็คาดการณ์ตัวเลขไว้ต่าง ๆ นานา และไม่ว่าตัวเลขที่แท้จริงจะออกมาเป็นอย่างไรก็ยังไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นอยู่ดี เนื่องจาก ณ ช่วงเวลานี้บริษัทต่าง ๆ ล้วนกำลังพิจารณาการลดจำนวนพนักงานกันอยู่ทั้งสิ้น"
Mohamed El-Erian ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจจาก Allianz ได้ทวีตว่า “ผมกังวลว่าสัปดาห์นี้ไม่เพียงแต่จะเป็นตัวเลขที่สูงสุดรายสัปดาห์ แต่อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อัตราว่างงานสูงสุดและรายได้ต่ำที่สุด"
https://twitter.com/elerianm/status/1242865817852637184?s=20
3. KB Home เตรียมรายงานผลประกอบการ
KB Home (NYSE:KBH) จะรายงานผลประกอบการในวันนี้หลังเวลาตลาดปิด
หุ้นของบริษัททะยานขึ้น 25% หลังจาก KeyBanc Capital ได้ปรับการจัดอันดับของบริษัทขึ้น แต่เมื่อเทียบเป็นรายปีก็ยังคงทรุดตัวลงมาถึง 43%
โดย KeyBanc ได้ปรับการจัดอันดับจากหุ้นที่มีผลงานยอดเยี่ยมเป็นหุ้นที่สูงกว่ากลุ่มธุรกิจ และตั้งเป้าหมายราคาไว้ที่ $25
อ้างอิงจากผลคาดการณ์ที่ Investing.com รวบรวมมา คาดว่าบริษัทจะมีผลกำไรต่อหุ้น 44 เซนต์และคาดว่าจะมีรายได้ 959 ล้านเหรียญสหรัฐ