InfoQuest - ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันพุธ (22 พ.ค.) ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยถูกกดดันจากการเทขายหุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ หลังมีรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จีนจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดก่อนการเปิดเผยผลประกอบการจากบริษัทอินวิเดียของสหรัฐ
ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 521.18 จุด ลดลง 1.77 จุด หรือ -0.34%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,092.11 จุด ลดลง 49.35 จุด หรือ -0.61%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 18,680.20 จุด ลดลง 46.56 จุด หรือ -0.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 8,370.33 จุด ลดลง 46.12 จุด หรือ -0.55%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ของยุโรปร่วงลง 1.4% สู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน โดยหุ้นเมอร์เซเดส-เบนซ์, บีเอ็มดับเบิลยู และ โฟล์คสวาเกน ปรับตัวลงระหว่าง 0.7-1.7%
ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยรถยนต์ในเครือของรัฐบาลเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ของจีนว่า จีนจะปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินขนาดใหญ่เป็น 25% ในขณะที่จีนเผชิญกับภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐที่สูงขึ้นอย่างมาก และอาจถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรป (EU)
คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มสอบสวนเมื่อเดือนต.ค. 2566 ว่า รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในจีนได้รับเงินอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรม และสมควรถูกเก็บอัตราภาษีพิเศษหรือไม่ โดย EU อาจกำหนดภาษีในเดือนก.ค.นี้
ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร หลังข้อมูลบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อของอังกฤษลดลงน้อยกว่าคาดในเดือนเม.ย.
แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น 0.6% สวนทางตลาด ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยผลประกอบการจากอินวิเดีย บริษัทผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของสหรัฐ เพื่อประเมินว่า การทะยานขึ้นของตลาดในช่วงที่ผ่านมาจะดำเนินต่อไปหรือไม่
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของยุโรปปรับตัวขึ้น หลังอินวิเดียเปิดเผยแนวโน้มที่สดใสในเดือนก.พ. ซึ่งหนุนดัชนี STOXX 600 แตะระดับสูงสุดตลอดกาลเป็นครั้งแรกในปีนี้
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจของรอยเตอร์บ่งชี้ว่า การทะยานขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปทำให้ตลาดเปราะบางต่อความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แม้สัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเริ่มวงจรการปรับลดอัตราดอกเบี้ย อาจหนุนตลาดขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่ในปีหน้าก็ตาม