Investing.com - หุ้นฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยตามเซสชั่นที่แข็งแกร่งของวอลล์สตรีทในวันอาทิตย์ หลังผลประกอบการเชิงบวกจาก Alphabet และ Microsoft กระตุ้นให้หุ้นเทคโนโลยีพุ่งขึ้น
แต่หุ้นประเภทอื่น ๆ หอกเทคโนโลยีนั้นมีความกระตือรือร้นน้อยกว่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสัญญาณที่เด่นชัดขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อจะไม่ผ่อนคลายตามที่คาดไว้ในตอนแรก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐยังคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นต่อไปอีกนาน
ธนาคารกลางมีกำหนดการจัดการประชุมในสัปดาห์นี้
เมื่อเวลา 19:09 ET (23:09 GMT) S&P 500 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.1% เป็น 5,1137.75 จุด ขณะที่ Nasdaq 100 ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.1% เป็น 17,862.25 จุด ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส ขยับขึ้น 0.1% เป็น 38,489.0 จุด
Alphabet และ Microsoft หนุนหุ้นเทคโนโลยีพุ่ง
ผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งอย่างมากจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alphabet Inc (NASDAQ:GOOGL) และ Microsoft Corporation (NASDAQ:MSFT) ได้จุดประกายให้หุ้นเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น ด้วยความหวังว่าความต้องการในอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์จะช่วยให้รายได้และการประเมินมูลค่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีไปอีกหลายเดือนข้างหน้า
หุ้นทั้งสองดีดตัวขึ้นในวันศุกร์ โดย Alphabet พุ่งขึ้นมากกว่า 10% หลังจากประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรก และหุ้นยังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เนื่องจากนักวิเคราะห์กล่าวว่าบริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดท่ามกลางคู่แข่งที่ได้รับประโยชน์จากการเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI
การปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นด้านเทคโนโลยีส่งผลให้ NASDAQ คอมโพสิต ปิดเพิ่มขึ้น 2% เป็น 15,927.90 จุดและ S&P 500 ก็เพิ่มขึ้น 1% เป็น 5,099.96 จุดเช่นกัน แต่ อุตสาหกรรมดาวโจนส์ กลับพิ่มขึ้นเพียง 0.4% เป็น 38,239.66 จุด
ฤดูกาลรายงานผลประกอบการยังคงดำเนินต่อไปในสัปดาห์นี้ โดย Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN) Coca-Cola Co (NYSE:KO) Advanced Micro Devices Inc (NASDAQ:AMD) และ Eli Lilly and Company (NYSE:LLY) จะมีการรายงานผลประกอบการในวันอังคาร
จับตาการประชุมของเฟดที่กำลังจะมาถึง
หุ้นส่วนใหญ่นอกเหนือจากภาคเทคโนโลยีมีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในวันศุกร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อข้อมูลดัชนีราคา PCE ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของเฟดนั้นร้อนแรงกว่าที่คาดไว้ในเดือนมีนาคม
รายงานดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่าเฟดจะยังไม่มีปรงผลักดันมากพอในการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ย และธนาคารกลางมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้สูงขึ้นเป็นเวลานานขึ้น
ส่งผลให้ การประชุมเฟด ในสัปดาห์นี้กลายเป็นจุดสนใจเพื่อหาสัญญาณชี้นำเพิ่มเติมจากธนาคารกลาง โดยเฟดถูกคาดหวังว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในเดือนพฤษภาคม
และตลาดยังมีการคาดการณ์มากขึ้นว่าเฟดจะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายนหรือไตรมาสที่สี่เท่านั้น ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ sticky และความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ