InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ณ เวลา 20.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 37,947.71 จุด บวก 148.74 จุด หรือ 0.39%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง หลังดีดตัวขึ้นวานนี้ขานรับถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นายพาวเวลส่งสัญญาณว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดอาจจะใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสูงกว่าการคาดการณ์
"ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง แต่นับตั้งแต่ต้นปีนี้ เงินเฟ้อยังไม่มีความคืบหน้าในการปรับตัวลงสู่เป้าหมายของเราที่ระดับ 2% ซึ่งข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น แต่กลับบ่งชี้ว่า กว่าที่เงินเฟ้อจะไปถึงจุดที่จะทำให้เรามั่นใจนั้น อาจจะต้องใช้เวลานานขึ้น""ด้วยเหตุนี้ เราจึงคิดว่านโยบายการเงินควรจะอยู่ในระดับที่คุมเข้มต่อไปเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เรากำลังเผชิญอยู่" นายพาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้
นักลงทุนเลื่อนคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ของเฟดเป็นเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนมิ.ย. หลังการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวล
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 11-12 มิ.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 41.2% เมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 58.5% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 30-31 ก.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 22.4% เมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกัน นักลงทุนให้น้ำหนัก 46.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 30.4% เมื่อ 1 เดือนก่อนหน้านี้
ตลาดจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานซึ่งจะมีการเปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเป็นการประเมินภาวะเศรษฐกิจจากเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งประจำอยู่ใน 12 เขตของสหรัฐ
นอกจากนี้ Beige Book เป็นรายงานที่มีการรวบรวมข้อมูลจากมุมมองของผู้นำธุรกิจ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารในภูมิภาค ทำให้ Beige Book สามารถสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง