InfoQuest - นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งออกข้าง คล้ายกับตลาดคนอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้เปิดมาผสมผสาน เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน โดยนักลงทุนรอติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสหรัฐในคืนนี้ ตลาดคาดไว้ +0.3% mom หากออกมาต่ำคาดจะส่งผลดีต่อตลาด
ขณะเดียวกันยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 20 มี.ค.นี้ โดยตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับเดิม แต่สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ Dot Plot (ประมาณการการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด)ในรอบนี้ ว่าจำนวนครั้งในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงจะแตกต่างกับครั้งก่อนหรือไม่
ให้แนวรับไว้ที่ 1,380 จุด และแนวต้าน 1,390 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 มี.ค.) ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 39,043.32 จุด เพิ่มขึ้น 37.83 จุด หรือ +0.10%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,165.31 จุด ลดลง 9.96 จุด หรือ -0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,177.77 จุด ลดลง 87.87 จุด หรือ -0.54%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,591.73 จุด ลดลง 104.24 จุด หรือ -0.27% ส่วนดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,120.54 จุด เพิ่มขึ้น 38.43 จุด หรือ +0.22% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,042.41 จุด ลดลง 1.42 จุด หรือ -0.05%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 มี.ค.) ที่ 1,384.51 จุด เพิ่มขึ้น 4.88 จุด (+0.35%) มูลค่าซื้อขาย 40,297.40 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,055.39 ล้านบาท (13 มี.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (13 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 2.16 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 79.72 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 มี.ค.) อยู่ที่ 6.02 เหรียญ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.65 ให้กรอบวันนี้ 35.55 - 35.75 จับตาตัวเลขศก.สหรัฐ-ทิศทาง Flow
- "แบงก์ชาติ" คิกออฟมาตรการแก้หนี้เรื้อรัง 1 เม.ย. 67 เป็นต้นไป หวังช่วย "ลูกหนี้เรื้อรัง-กลุ่มเปราะบาง" ที่ไม่สามารถปิดจบหนี้ได้ใน 5 ปี คาดแก้หนี้นอนแบงก์ที่มีรายได้ไม่เกิน 1 หมื่นบาท และลูกหนี้แบงก์ที่มีรายได้ ไม่เกิน 2 หมื่นบาท ลุยสุ่มตรวจแบงก์เข้มช่วยเหลือ ลูกหนี้หรือไม่ หากพบไม่ช่วยตามมาตรการ จ่อลดเรตติ้ง ลงดาบแบงก์ สั่งเทียบปรับ
- ในเร็วๆ นี้ กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ครม. พิจารณาออกมาตรการเสริมสภาพคล่องช่วยเหลือเอสเอ็มอีผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ โดยหนึ่งในนั้นมีโครงการค้ำประกันสินเชื่อพีจีเอส 11 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) วงเงินค้ำประกัน 50,000 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนโยบาย อิกไนท์ ไทยแลนด์ ตามนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ที่ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรม 8 ด้านในภูมิภาค
- ส.อ.ท. เปิดเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่น ภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 90.0 ปรับตัวลดลงเล็กน้อย จาก 90.6 ในเดือน ม.ค. จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูง ขณะที่ดัชนีฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 100.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้น จาก 98.4 ในเดือน ม.ค. โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของภาครัฐ
- "พีระพันธุ์" เร่งสรุปรูปแบบการสำรองน้ำมันและก๊าซเชิงยุทธศาสตร์ เน้นสร้างความมั่นคงให้พลังงานของประเทศ ด้าน สนพ.เผยราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเดือน ก.พ.67 ปรับตัวเพิ่มขึ้น
- "ชัยธวัช" ยันก้าวไกลพร้อมสู้คดียุบพรรคเต็มที่ ขอให้ศาล รธน.เปิดการไต่สวนให้มีการชี้แจงข้อเท็จจริง บอก "ยุบพรรค" ไม่นำไปสู่การแก้ปัญหา แต่จะเป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ เอง "อิทธิพร" ยัน กกต.ส่งยุบก้าวไกลพิจารณารอบคอบ ไม่เร็วเกินไป ใช้คำวินิจฉัยศาล รธน. เป็นหลักฐานสำคัญ ยันโทษสูงสุดยุบพรรค ตัดสิทธิไม่เกิน 10 ปี รอดูผิดกฎหมายอื่นหรือไม่ ก่อนฟันอาญาเพิ่ม ด้าน "สมชัย" เปิดขั้นตอนไม่เกิน 2 เดือนยุบก้าวไกล แบน 10 กก.บห. ส่วน 44 สส. ที่เข้าชื่อแก้ ม.112 ต้องผ่านป.ป.ช.-ศาลฎีกา ใช้เวลา 1 ปี
*หุ้นเด่นวันนี้
- SPRC (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 10.40 บาท ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และน่าจะพลิกมีกำไรสุทธิได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/67 เป็นต้นไปจาก Crude run ที่เพิ่มขึ้น จาก 88% ในไตรมาส 4/66 เป็น 95% ในปัจจุบัน ขณะที่ค่าการกลั่นเร่งตัวขึ้นกว่า 40- 50% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/66 นอกจากนี้คาดว่าจะมี Stock gain ตามราคา น้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นด้วย
- PTTEP (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 147.50 บาท ราคาหุ้นจะได้แรงขับเคลื่อนจากราคาน้ำมันดิบ Brent ที่ปรับขึ้นกว่า 2% หนุนจากการรายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐฯที่ปรับลงต่ำกว่าตลาดคาดและความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ที่กลับมาอุ่นขึ้นจากยูเครนที่โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในรัสเซีย ด้านตะวันออกกลางความคาดหวังต่อการเจรจาหยุดยิงของอิสราเอลและฮามาสยังไม่ได้ข้อสรุป ปัจจัยพื้นฐานเราคาดว่า PTTEP จะมีการผลิตที่เติบโตแข็งแกร่งที่ 11.5% CAGR ในปี 66-67 ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของการผลิตน้ำมันและก๊าซทั่วโลก โดยมีสาเหตุมาจากการเพิ่มขึ้นของผลผลิตจากสัญญาที่ต่ออายุในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งก๊าซเอราวัณ หุ้นเทรดอยู่ที่ PER ปี 67E ที่ 7.7 เท่า (เทียบกับค่าเฉลี่ย 10.3 เท่า)
- AMATA (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 28.00 บาท สำหรับภาพการดำเนินงานกลุ่มนิคมฯในปี 67 เราคาดว่าจะยังมีแรงหนุนจากการตั้งฐานการผลิตกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมไปถึงการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย โดยทางผู้บริหารวางเป้าขายที่ดินปีนี้ที่ราวไม่เกิน 2,000 ไร่(จากปี66 1,854 ไร่) ส่วน backlog สิ้นปี 66 ยังแข็งแกร่งที่ 14,285 ลบ.(ไทย 1.2 หมื่นลบ. ที่เหลือเวียดนาม) ทั้งนี้ เบื้องต้น ทางฝ่ายวิเคราะห์ประเมินกำไรสุทธิของ AMATA ปี67 ที่ระดับ 2,006 ลบ.(+6%YoY) โดยนอกจากการขายที่ดินแล้ว คาดว่ารายได้ฝั่งสาธารณูปโภคจะแรงมีหนุนตามค่าFt และอากาศร้อน นอกจากนี้ AMATA ยังจะมี story จากการ Spinoff AMATA U (กลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภค) ในปีนี้