InfoQuest - นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งพักตัว เนื่องจากบรรยากาศในการลงทุนวันนี้ไม่ค่อยมีแรงขับเคลื่อน โดยตลาดหุ้นสหรัฐเมื่อคืนนี้ทุกดัชนีปรับตัวลงกว่า 1% ถูกกดดันหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงกว่าที่ตลาดคาด รวมทั้งถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี จากราคาหุ้นของบริษัทแอปเปิ้ล อิงค์ ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรง หลังเผยยอดขายในจีนช่วง 6 สัปดาห์แรกหดตัว 24%
ขณะที่การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ของจีนเมื่อวานนี้มีการประกาศปรับเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดยคาดว่าปี 67 GDP จะโต 5% แต่นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น สะท้อนจากตลาดหุ้นจีนที่เพิ่มขึ้นแต่ตลาดหุ้นฮ่องกงปรับลดลง และราคาน้ำมันดิบเมื่อวานนี้ก็ปรับตัวลงด้วย
อย่างไรก็ดีปัจจัยในประเทศ ดัชนีน่าจะ Price in ประเด็นเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์
ยังส่งสัญญาณว่าเดือนมี.ค. จะลบต่อ ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจเพิ่มความคาดหวังว่าจะคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้แรงขับเคลื่อนตลาดยังไม่มาก สะท้อนจาก Flow ต่างชาติยังไหลออกอยู่โดยกลยุทธ์ในการลงทุนวันนี้แนะนำหุ้นรายตัว เน้นหุ้น Value Play อาทิ BEM และ SPALI
พร้อมทั้งให้กรอบดัชนีแนวรับ 1,350 จุด และแนวต้าน 1,365 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (5 มี.ค.) ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 38,585.19 จุด ลดลง 404.64 จุด หรือ -1.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,078.65 จุด ลดลง 52.30 จุด หรือ -1.02% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 15,939.59 จุด ลดลง 267.92 จุด หรือ -1.65%
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 16,167.45 จุด เพิ่มขึ้น 4.81 จุด หรือ +0.03% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,041.75 จุด ลดลง 6.04 จุด หรือ -0.20% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 39,792.37 จุด ลดลง 305.26 จุด หรือ -0.76%
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 มี.ค.) ที่ 1,359.26 จุด ลดลง 3.33 จุด (-0.24%) มูลค่าซื้อขาย 39,683.43 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,933.73 ล้านบาท (5 มี.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. (5 มี.ค.)ลดลง 59 เซนต์ หรือ 0.75% ปิดที่ 78.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 มี.ค.) อยู่ที่ 6.92 เหรียญ/บาร์เรล
- -เงินบาทเปิด 35.88 ทรงตัวจากวันนี้ ตลาดเกาะติดถ้อยแถลงประธานเฟด-จับตา Flow
- "คลัง" ปลดล็อกเกณฑ์ "เวอร์ชวลแบงก์" จับมือ ธปท.พิจารณาคำไลเซนส์ภายใน 9 เดือน ต้องตั้งบริษัทมหาชนเปิดบริการใน 1 ปี ทุนจดทะเบียนไม่น้อยกว่า 5 พันล้านระยะแรก เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้าน ใน 5 ปี ธปท.เปิดหลักเกณฑ์ พร้อมคุณลักษณะ 7 ข้อ สำหรับผู้ยื่นขอไลเซนส์ โดยเปิดรับสมัครตั้งแต่ 20 มี.ค.-19 ก.ย. นี้ จับตา 3 ทุนใหญ่ "เอสซีบีเอกซ์-กรุงไทย-เกียรตินาคินภัทร" ร่วมชิงเค้ก
- "สมาคมค้าทองคำ" ประกาศปรับราคาทองขึ้นวันเดียว 6 ครั้งวานนี้ (5 มี.ค.) พุ่งพรวด 700 บาท ทุบสถิติ "ออลไทม์ไฮใหม่" เป็นประวัติการณ์ทะลุ 36,000 บาท "บล.โกลเบล็ก" แนะจับตาตัวเลข "เศรษฐกิจ" เสี่ยงถดถอย และแถลง "เจอโรม พาวเวล" ทิศทางดอกเบี้ย แรงหนุนราคาทองขยับต่อ ฟาก "โบรกต่างชาติ" ชี้ทองโลกมีโอกาสทะยาน 2,300 ดอลลาร์ต่อออนซ์
- ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือน ก.พ.67 เท่ากับ 107.22 ลดลง 0.77% เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.66 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน เพราะราคาเนื้อสัตว์ ผักสด ปรับลดลง หลังมีผลผลิตเข้าสู่ตลาดจำนวนมาก รวมทั้งน้ำมันดีเซลและค่ากระแสไฟฟ้าที่ต่ำกว่าปีก่อนจากมาตรการลดค่าครองชีพของรัฐ ประกอบกับฐานเงินเฟ้อเดือน ก.พ.66 ที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปี 67 ลดลง 0.94% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ก.พ.67 หักอาหารสดและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.43% เทียบเดือน ก.พ.66 และเฉลี่ย 2 เดือนแรก เพิ่ม 0.47%
- ตลาดหลักทรัพย์ฯ พลั้งมือปลด SP หุ้น JKN และ MILL คาดมีความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท พร้อมเตรียมจ่ายเงินเยียวยาผู้ลงทุน เล็งหารือกับ Nasdaq เจ้าของระบบ เพื่อทำความเข้าใจมากขึ้น ยันไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (BK:CPALL) (ไอร่า) "ทยอยซื้อสะสม" เป้าหมาย 60.00/ 64.00 บาท เรายังชอบ CPALL จากโมเมนตัมกำไรไตรมาส 1/67 แม้คาดจะย่อตัว QoQ จากฤดูกาล แต่โตต่อเนื่อง YoY ตาม SSSG Qtd ฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ลุ้นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 67 คาดจะหนุนทิศทางกำไรปรับตัวขึ้นได้ต่อ ทางเทคนิค ราคาอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับที่เส้นแนวโน้มขาลงก่อนหน้าแล้วพยายามฟื้นตัวขึ้น ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ยังชะลอกำลังอยู่
- WHA (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า 5.40 บาท มีข่าวดี KIA ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของเกาหลีใต้กำลังเร่งเจรจากับรัฐบาลไทยเพื่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศ ศึกเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐปลายปีนี้หนุนกลุ่มทุนจีนย้ายฐานการผลิตมาไทยมากขึ้นหากทรัมป์ชนะเลือกตั้ง
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 35 บาท คาดโมเมนต้มการเติบโตของกำไรไตรมาส 1/67 จะดีต่อเนื่องและคาดรายได้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ ส่งผลให้แนวโน้มรายได้เติบโต 10-12% ในปี 2567หนุนจากรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง บริษัทคาดว่ารายได้น่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 10% ในช่วงปี 2567-2569 จากจำนวนเตียงที่จะเพิ่มขึ้นจาก 8,600 ในปี 2566 เป็น 9,300 เตียงในปี 2569 ด้วย outlook ที่ดีขึ้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 2567-2568 ขึ้นเป็นเติบโต 14% และ 9% ตามลำดับ แนวรับ 28-27.50 บาท แนวต้าน 29.50-30//32 บาท