หุ้นเอเชียร่วงหลังอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสูงขึ้น

Investing.com -- หุ้นตลาดเอเชียปรับลงในวันนี้หลังเพิ่มขึ้นบางส่วนในช่วงที่ผ่านมา ปัจจัยมาจากข้อมูลยอดขายปลีกที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลขยับสูงขึ้น ในขณะที่หุ้นจีนร่วงลงอย่างมากจากสัญญาณของปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงมีอยู่

ตลาดในประเทศยังเกิดการขายทำกำไรหลังจากปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากตลาดมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย

แต่การเดิมพันเหล่านี้ก็ถูกชดเชยโดย ข้อมูลการขายปลีก ของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาดในวันพุธ ซึ่งกระตุ้นให้พันธบัตรรัฐบาลและเงินดอลลาร์ดีดตัวขึ้น ความเข้มแข็งในการใช้จ่ายรายย่อยยังคงมีศักยภาพที่จะผลักดันอัตราเงินเฟ้อและจะทำให้เฟดมีท่าที Hawkish มากขึ้น

สิ่งนี้ส่งผลให้ตลาดภูมิภาคอ่อนตัวลง โดย Nikkei 225 ของญี่ปุ่นปรับลง 0.8% แม้ว่ารายงานจะแสดงให้เห็นถึง การส่งออก ที่ดีขึ้นก็ตาม

KOSPI ของเกาหลีใต้ ปรับลง 0.2% ในขณะที่ ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เป็นผู้นำการขาดทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยปรับลง 0.4%

ASX 200 ของออสเตรเลียปรับลง 0.5% เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดของ การจ้างงาน จนถึงเดือนตุลาคม แต่ อัตราการว่างงาน ที่สูงขึ้นและการเติบโตของค่าแรงต่อเวลาทำงาน ชี้ให้เห็นว่าตลาดแรงงานอาจจะเย็นตัวลงหลังจากการพุ่งสูงตลอดทั้งปีที่ผ่านมา

ตลาดแรงงานที่อ่อนตัวลงทำให้ธนาคารกลางออสเตรเลียมีแรงผลักดันน้อยลงในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เป็นผลดีต่อตลาดออสเตรเลีย แต่ตลาดแรงงานที่ชะลอตัวลงยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากขึ้นในประเทศ

ดัชนีอินเดียฟิวเจอร์ส Nifty 50 ชี้ไปที่การเปิดตลาดในราคาต่ำ โดยประกอบไปด้วยหุ้นเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่ คาดว่าจะขาดทุนบางส่วนหลังจากการปรับขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันพุธ

สหรัฐฯ ยังคงมุ่งเน้นไปที่นโยบายการเงิน โดยเจ้าหน้าที่เฟดจำนวนมากจะหารือในวันนี้และวันศุกร์ โดยเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ยังคงแสดงจุดยืนว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะยังถูกกำหนดให้อยู่ในระดับสูงต่อไปนานขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อตลาดเอเชีย

หุ้นจีนร่วงจากปัญหาด้านอสังหาริมทรัพย์ จับตาการหารือ

ดัชนี CSI 300 (CSI300) และ เซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนปรับลง 0.9% และ 0.6% ตามลำดับในวันนี้ ขณะที่ดัชนี ฮั่งเส็ง ของฮ่องกงปรับลง 1.6%

นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์รวมถึง Wharf Real Estate (HK:{100118|1997}}) และ Longfor Properties Co Ltd (HK:0960) ปรับลงระหว่าง 1% ถึง 3%

ความเชื่อมั่นในจีนลดลง ได้รับผลกระทบจากรายงานที่แสดงให้เห็นว่า ราคาบ้าน ลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดเดือนตุลาคม ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ของประเทศยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน

ในขณะที่รายงานทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้โดยเฉพาะ การผลิตทางอุตสาหกรรม และ ยอดค้าปลีก แสดงให้เห็นความยืดหยุ่นได้บ้าง แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ในเดือนตุลาคมชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแออยู่ตลอดในเศรษฐกิจจีน

ความกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นแรงกดดันสำคัญต่อตลาดจีน เนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่หลายรายต้องดิ้นรนเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของตน มูลค่านั้นมีสัดส่วนประมาณหนึ่งในสี่ของ GDP ของจีน

การเพิ่มสภาพคล่องครั้งใหญ่โดยธนาคารกลางจีนนั้น ยังให้การสนับสนุนกับตลาดหุ้นเพียงเล็กน้อยอีกด้วย

ตลาดยังได้รับสัญญาณเล็กน้อยจากการเจรจาระดับสูงครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ซานฟรานซิสโกในสัปดาห์นี้ ทั้งสองตกลงที่จะเปิดสายด่วนสำหรับประธานาธิบดี และจะกลับมาดำเนินการพูดคุยเรื่องทางทหารอีกครั้งซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมาเป็นช่วงที่ตึงเครียดอย่างมาก

แต่โจ ไบเดน ยังคงเรียกสี จิ้นผิง ว่าเป็น "เผด็จการ" ในงานแถลงข่าวหลังการประชุมสุดยอด ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่คาดว่าจะส่งผลเสียต่อการเจรจานี้