InfoQuest - ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์ (10 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเติบโตที่ปรับตัวขึ้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทรงตัวหลังพุ่งขึ้นอย่างมากในวันพฤหัสบดี ขณะที่บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,283.10 จุด เพิ่มขึ้น 391.16 จุด หรือ +1.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,415.24 จุด เพิ่มขึ้น 67.89 จุด หรือ +1.56% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,798.11 จุด เพิ่มขึ้น 276.66 จุด หรือ +2.05%
ดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นวันเดียวมากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. และดัชนี S&P500 ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย.
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์บวกขึ้นราว 0.7%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.3% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.4%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.6% โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งราว 3%, หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่ง 2.6% และหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่ง 2.5%
ตลาดหุ้นสหรัฐดีดตัวขึ้นในวันศุกร์หลังจากร่วงลงในวันพฤหัสบดี ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นที่เป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ตลาดได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีแทบไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 4.62% หลังจากพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดีจากการที่ผลการประมูลพันธบัตร 30 ปีออกมาต่ำกว่าคาด
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรซึ่งลดลงจากระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และประเมินว่าเฟดอาจเสร็จสิ้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อแล้ว รวมถึงกำหนดเวลาที่เฟดอาจจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ ตลาดจะจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในสัปดาห์หน้า รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และยอดค้าปลีก ซึ่งจะช่วยคาดการณ์แนวโน้มอัตราดอกเบี้ย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ได้แก่ ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 60.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 63.7 จากระดับ 63.8 ในเดือนต.ค. ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.4% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ที่ระดับ 4.2%